#MUNICHSWISS : DAY12-13 Zermatt - Matterhorn ในวันฟ้าเปิด และสิ้นสุดการเดินทางที่ Geneva

ในวันที่ 12 นี้เป็นวันที่เป็นอีกไฮไลต์นึงของทริปสวิสฯ นี้เลยก็ว่าได้

นั่นคือยอดเขา Matterhorn ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง Zermatt เป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่มายังเมืองแห่งนี้นั่นเอง
Matterhorn ในวันฟ้าใส
Matterhorn มีชื่อเสียงในฐานะยอดเขาแห่งหนึ่งของแอลป์ ที่มีรูปร่างโดดเด่นจนเกือบจะเป็นรูปพิรามิดสมมาตร ซึ่งแทบจะไม่มียอดเขาไหนเลยที่มีรูปร่างเช่นนี้ ยอดเขานี้ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างชายแดนสวิสเซอร์แลนด์กับอิตาลี และมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากเมือง Zermatt

นอกจากนี้ Matterhorn ยังปรากฏเป็นโลโก้ของช้อกโกแลตยี่ห้อดังที่เราๆอาจคุ้นเคยกันดี นั่นก็คือ Toblerone นั่นเอง (ตัวช็อกโกแลตเองก็เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมสื่อถึง Matterhorn เช่นกัน)
อุตส่าห์พกมาถึงบนนี้เพื่อช็อตนี้โดยเฉพาะ
เช้านี้หลังจากทำอาหารกินที่ที่พักสบายๆ (เพราะเราเที่ยวอยู่แต่ Zermatt วันนี้) เราเก็บกระเป๋าและลากมาฝากไว้ที่สถานีรถไฟ Zermatt เป็นตู้ฝากหลากหลายขนาดจำนวนมากอยู่ชั้นใต้ดิน

ในการเที่ยวชมยอด Matterhorn ของวันนี้นั้นจะประกอบไปด้วย 2 จุดหลักๆ คือ การชมยอด Matterhorn จากยอด Gornergrat ซึ่งจะเห็นวิวมุมกว้าง และจาก Klein Matterhorn ซึ่งเป็นจุดเล่นสกีที่สวยงาม
สองฝั่งถนน ด้านซ้าย คือ Gornergrat Bahn และด้านขวา คือ Zermatt Banhof
เริ่มตั้งต้นจากสถานีรถไฟ Zermatt Bahnhof ข้ามถนนเล็กๆมาจะพบกับ Gornergrat Bahn ซึ่งเป็นจุดที่เราจะขึ้นรถไฟรางเฟือง (Rack-railway) ไปยังจุดสูงสุดของ Gornergrat ซึ่งจะบอกว่าวิวจากรถไฟที่มองลงมาแล้วเห็นทั้งยอด Matterhorn และเมือง Zermatt ด้านล่างที่เรามักจะเห็นกันตามเพจท่องเที่ยวก็คือเส้นทางนี้แหละ แนะนำให้นั่งฝั่งขวาเพื่อให้เห็นวิวเมืองตามต้องการ
รถไฟ Cog Railway ที่จะพาเราขึ้นไป
แน่นอนว่าเราสามารถใช้ Swiss-Pass ขึ้นได้เหมือนเดิม (ใช้ทุกวันตลอดทริปจนคุ้มแล้ว)

จากจุดนี้จนกระทั่งขึ้นไปถึงบน Gornergrat ใช้เวลาประมาณ 40 นาที รถไฟพาเราผ่านขึ้นไปบนสันเขาค่อยๆเลียบสูงขึ้นๆจากเมือง จนกระทั่งหลังคาบ้านเรือนเล็กลงและยอด Matterhorn ใกล้เข้ามา ตลอดเส้นทางผ่านสถานี 5 สถานี
ระหว่างที่รถไฟกำลังไต่ระดับขึ้นไปจะมองเห็นยอด Matterhorn และเมือง Zermatt ด้านล่าง
สองข้างทางมีหิมะปกคลุม
เมื่อมาถึงด้านบน Gornergrat จะมีอาคารซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งหอสังเกตุการณ์ (observatory) และโรงแรมที่สูงที่สุดในยุโรป Gornergrat Kulm Hotel
อาคารเดียวในบริเวณนี้คือ Observatory
วิวด้านบนนี้เป็นวิวพาโนรามาที่สวยสมบูรณ์แบบ มองออกไปโดยรอบมองเห็นธารน้ำแข็งและยอดภูเขาสูงรายล้อมเกือบ 30 ลูก และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้น คือ Matterhorn
Panorama มองเห็นแต่ภูเขาหิมะโล่งกว้างออกไป
วิวด้านข้าง
Matterhorn และรถไฟที่พาเราขึ้นมา
หลังจากชมวิวและถ่ายรูปเก็บความทรงจำกันจนพอ (จริงๆวิวแบบนี้นั่งมองทั้งวันก็ไม่เบื่อนะ แต่ต้องไปต่อแล้ว) เรานั่งรถไฟลงมาตามเส้นทางเดิม เพียงแต่รอบนี้เราจะแวะสถานี Rotenboden กันก่อน

สถานี Rotenboden เป็นสถานีก่อนถึงสถานี Gornergrat เป็นสถานีเล็กๆที่มีร้านค้าเล็กๆกับตัวสถานี แต่ความพิเศษ คือ จากสถานี Rotenboden นี้เราเดินต่อไปอีกเพียงเล็กน้อยก็จะพบกับทะเลสาบ Riffelsee ที่เป็นทะเลสาบขนาดเล็กบนความสูงระดับนี้ของภูเขาเบื้องหน้าวิวของ Matterhorn ถือเป็นจุดชมวิวที่น่าแวะมาชมอีกจุดหนึ่ง
รถไฟเลี้ยวโค้งลงมาจาก Gornergrat ก่อนจะถึงสถานี Rotenboden
  และถัดมาอีกสถานีหนึ่งที่เราแวะ คือ สถานี Riffelberg
บริเวณสถานี Riffelberg 
สถานี Riffelberg นี้เป็นจุดที่มีร้านอาหารและเส้นทางสำหรับเดินไปยังจุดที่เป็น Tramway ข้างล่างได้เลย หรือจะนั่งกระเช้าต่อข้ามไปยังสถานี Furi เพื่อต่อไปยังเส้นที่จะไป Klein Matterhorn ที่เราจะไปตอนบ่ายนี้ก็ได้ เพียงแต่วันที่เราไปกระเช้าเส้นนี้ปิด เราเลยจำเป็นต้องกลับลงไปยัง Zermatt ก่อน
Riffelberg Chapel และ Matterhorn เป็นฉากหลังที่สามารถเดินไปได้จากสถานี Riffelberg
หลังจากลงมาถึง Zermatt แล้วเราเดินข้ามตัวเมืองมายัง Matterhorn Talstat ซึ่งเป็นจุดขึ้นกระเช้าอีกจุดหนึ่งไปยัง Klein Matterhorn (แปลว่า Little Matterhorn) เป็นจุดเล่นสกียอดนิยมที่สามารถเล่นสกีได้ตลอดทั้งปี
ระหว่างทางจะมองเห็นเส้นทางสกีเป็นช่วงๆ
การขึ้นมายัง Klein Matterhorn จะต่างจาก Gornergrat ที่นั่งรถไฟ Cog Railway ขึ้นไป เพราะ Klein Matterhorn ถือเป็นจุดสูงสุดของยุโรปที่สามารถขึ้นมาได้ด้วยกระเช้า Gondola โดยระหว่างที่ขึ้นกระเช้ามาก็จะสามารถมองเห็น Matterhorn จากทางด้านขวาได้แบบใกล้ชิด
ขณะยืนรอกระเช้า
วิวจากด้านขวามือของกระเช้า
และหากแวะลงกระเช้าที่สถานี Trockener Steg ก็จะสามารถถ่ายรูป Matterhorn เป็นฉากหลังของทะเลสาบได้เป็นอีกจุดหนึ่งเหมือน Riffelsee ที่ Rotenboden เมื่อเช้า
Trockener Steg
มองเห็นสถานี Glacier Paradise
วิวระหว่างขึ้นกระเช้า
มุม Panorama จากบริเวณบน Glacier Paradise ฝั่งเทือกเขา
ฝั่งที่เป็นลานสกี
มุมมองเทือกเขาทอดออกไปไกลจาก Glacier Paradise
และจาก Glacier Paradise เราสามารถเดินขึ้นไปยังแพลตฟอร์มชมวิวเล็กๆด้านบนได้อีก
จุดชมวิวอีกจุดด้านบน
วิวจากจุดชมวิวด้านบน
จากนั้น เมื่อชมวิวครบทุกจุด เรานั่งกระเช้ากลับลงมาในตัวเมือง Zermatt และบอกลาวิว Matterhorn เพื่อเดินทางต่อมายัง Geneva

จาก Zermatt มายัง Geneva ใช้เวลาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง ดังนั้นกว่าเราจะมาถึง Geneva ก็เป็นเวลามืดแล้ว เราบอกลาจากบรรยากาศเงียบเหงาของชนบทและธรรมชาติของสวิสฯกลับเข้าสู่ตัวเมืองที่พลุกพล่านอีกครั้งหนึ่ง ลากกระเป๋าจากสถานีรถไฟผ่านกลุ่มคนขึ้นรถเมล์มายังโรงแรมใกล้กับฝั่งน้ำพุ Jet d'Eau (หรือ The Geneva Water Fountain) มืดและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเดินเล่นในเมืองยามนี้ เราจึงเลือกที่จะนั่งพูดคุยถึงความทรงจำของวันต่างๆที่ผ่านมาด้วยกันที่โรงแรมเงียบๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 13 ของทริป เป็นวันสบายๆ เราตื่นนอนตามแต่ใจ เนื่องจากวันนี้มีแผนหลวมๆแค่เดินเล่นในเมืองและเก็บตกซื้อของฝากตามที่แต่ละคนยังขาดเล็กๆน้อยๆ (สำหรับเราคือการหอบหิ้วขนมแปลกๆกลับมาเท่าที่จะมากได้)

เป็นเวลาไม่สายมาก เรากับเพื่อนอีกคนออกเดินเลียบทะเลสาบ Geneva ผ่านน้ำพุขนาดใหญ่ ไปยังถนนช็อปปิ้ง Rue du Rhône ซึ่งเต็มไปด้วยช็อปของร้านค้าต่างๆ เหมาะสำหรับขาช็อปที่อยากแวะหาอะไรติดไม้ติดมือกลับไป หน้าที่ของเราเช้านี้คือเดินแวะหาแบรนด์เนมตามที่มิตรสหายฝากซื้อจากไทย ไม่นานเพื่อนอีกสองคนก็ตามมาสมทบเนื่องจากรายการฝากซื้อตรงกัน

หลังจากเสร็จภารกิจ เราเดินชมเมือง แวะร้านกาแฟ กินครัวซ็อง ผ่านย่านตลาด ร้านขายของที่ระลึก แล้วไปจบที่ซูเปอร์มาเก็ตสำหรับขนมของฝากเล็กๆน้อยๆ แล้วก็พากันกลับโรงแรมเพื่อจัดระเบียบกระเป๋าและยัดทุกอย่างลงไปเพิ่มอีกครั้ง ก่อนจะลงมา Check out ออกจากโรงแรมแล้วเดินทางไปสนามบิน

การเดินทางไปสนามบินก็ไม่ยุ่งยาก เพียงลากกระเป๋ามายังป้ายรถบัสใกล้ๆ แล้วก็ขึ้นรถบัสกลับมายังสนามบินเหมือนเมื่อคืนวาน

เป็นอันจบทริป Munich-Swiss รอบนี้ แม้จะเหนื่อยบ้าง หิวบ้าง เที่ยวได้ไม่เป็นไปตามแผนบ้าง แต่ก็ถือว่าได้พบได้เจออะไรๆมากมายเลย ทั้งบรรยากาศและผู้คน

ก็หวังว่าจะได้กลับมาเยือนอีก เพราะเอาจริงๆทั้งเยอรมัน และสวิสฯ รอบนี้ก็ยังเก็บไม่ครบ เหลือที่สวยๆอีกเพียบ จริงๆด้วยวิวสวยขนาดนี้การกลับมาซ้ำอีกรอบก็ไม่เสียหายอะไรเลย

ทริปถัดๆไปคงมีโอกาสมาเล่าสู่กันฟังอีก หวังให้ COVID หมดไปไวไวและเรากลับมาท่องเที่ยวกันได้อีกครั้ง

ขอบคุณที่ติดตามตอนนี้และโปรดติดตามตอนต่อๆไปด้วยจ้า

ปล. ถ้าใครอ่านแล้วชอบ ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยจะขอบคุณมากเลย <3

ทริปรอบนี้ : PLAN เที่ยว มิวนิค+สวิส
ตอนที่ 1 : #MUNICHSWISS : DAY1 พาเที่ยวมิวนิค เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย
ตอนที่ 2 : #MUNICHSWISS : DAY2 MUNICH RESIDENZ พระราชวังหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย
ตอนที่ 3 : #MunichSwiss : Day3 Deutsches Museum และเดินทางสู่ Fussen
ตอนที่ 4 : #MUNICHSWISS : DAY4 ปราสาทชื่อดังแห่งแคว้นบาวาเรีย "NEUSCHWANSTEIN"
ตอนที่ 5 Part1 : #MUNICHSWISS : DAY5 TAX REFUND ก่อนเข้าสวิสฯ (PART1/2) 
ตอนที่ 5 Part2 : #MUNICHSWISS : DAY5 ข้ามแดนสู่สวิสฯ และพาเที่ยวซูริค (PART2/2)
ตอนที่ 6 : #MUNICHSWISS : DAY6 ขึ้นภูเขามังกร MT.PILATUS และอนุเสาวรีย์สิงโตแห่งลูเซิร์น
ตอนที่ 7 : #MUNICHSWISS : DAY7 เมืองในหุบเขา "กรินเดลวัลด์"
ตอนที่ 8 : #MUNICHSWISS : DAY8 เลาเทอร์บรุนเนิน เมืองในหุบเขา น้ำตกอลังการ และยอดเขาเจมส์ บอนด์
ตอนที่ 9 : #MUNICHSWISS : DAY9 จุงเฟรา แม่สาวน้อยฉายา TOP OF EUROPE และกรินเดลวัลด์ FIRST
ตอนที่ 10 : #MUNICHSWISS : DAY10 INTERLAKEN เมืองแห่ง 2 ทะเลสาบ และล่องเรือผ่านทะเลสาบ THUN
ตอนที่ 11 : #MUNICHSWISS : DAY11 ปราสาทแห่ง Chillon และเมืองริมทะเลสาบเจนีวา
--------------------------------------------------------------------------------------------------
*ฝากกดไลค์กดแชร์เพจ : https://www.facebook.com/lindaleolenda/ หน่อยนะจ๊ะ คนละจึ๊กสองจึ๊ก <3

ความคิดเห็น