#MunichSwiss : Day3 Deutsches Museum และเดินทางสู่ Fussen

ในวันที่ 3 นี้ เราจะใช้เวลาครึ่งวันเช้า เที่ยวชมใน Deutsches Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญแห่งหนึ่ง 

ก็เริ่มต้นวันเหมือนเดิมด้วยการเดินจากที่พักแถว main station มายังพิพิธภัณฑ์ (ในมิวนิคนี่รอบนี้เราไม่ต้องขึ้นรถเลย เพราะคิดว่าอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ แต่ถ้าใครแพลนไปสนามบอลกับพิพิธภัณฑ์ BMW ก็จะไกลมาก แบบนั้นน่าจะต้องขึ้นรถไป)

>>> โดยทั่วไปแล้วพิพิธภัณฑ์ที่เมืองนอกจะทำออกมาดีและกว้างขวางมาก กล่าวคือ เราสามารถเดินดูได้ทั้งวัน (หรือบางที่ก็ต้องใช้เวลาหลายวัน) จึงจะเดินได้ครบ โดยไม่น่าเบื่อเลยสักนิด เพราะจะมีสื่อต่างๆและเรื่องราวต่างๆชักชวนให้เราเดินดูเดินอ่านไปได้เรื่อยๆแบบไม่รู้เบื่อ กระนั้นแล้วพิพิธภัณฑ์ของเยอรมันก็เป็นที่ขึ้นชื่อว่า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่โดดเด่นกว่าที่อื่นและเต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆมากมายกว่าพิพิธภัณฑ์อื่นด้วย โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องยนต์กลไกและเทคโนโลยี ซึ่งที่ได้ไปชมคราวนี้ก็เห็นจะจริง

สิ่งที่อยากบอกตั้งแต่บรรทัดนี้ก็คือ "ครึ่งวันไม่เพียงพอ" ไม่เพียงพอมากๆ โดยเฉพาะคนที่จบสายวิทย์หรือชอบเรื่องวิทยาศาสตร์ เพราะที่นี่มีการทดลองและวิทยาศาสตร์ รวมถึงเครื่องยนต์กลไกมากมายและแบ่งเป็นหลายชั้นมากๆ ถ้ามีโอกาสไปมิวนิคเราเองก็คงกลับไปซ้ำอีกรอบ ไปเดินดูให้ครบแบบไม่เร่งรีบ ส่วนเราที่มีเวลาจำกัดจึงเดินเก็บส่วนของเรือและสมุทรศาสตร์ก่อน แล้วก็แวะเดินดูเร็วๆในส่วนอื่นๆ

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิค และยังเคยใช้เป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินดังอย่าง The Who และ Elton John อีกด้วย

พิพิธภัณฑ์นี้เปิดทุกวัน 9.00 - 17.00 หยุดเฉพาะวันหยุดเทศกาลสำคัญจริงๆ (คริสมาสต์อะไรอย่างนั้นเป็นต้น) หรือจะดูรายละเอียดจากลิ้งค์ของพิพิธภัณฑ์ ที่นี่ ก็ได้ ส่วนราคาค่าเข้าชมก็คนละ 14 ยูโร (ประมาณราคาบุฟเฟต์มื้อนึงที่บ้านเราอ่ะ ไม่แพงเลยๆ)

ซื้อบัตรที่ซุ้มด้านหน้า แล้วเมื่อเดินเข้ามาก็จะต้องเลี้ยวซ้ายไปฝากกระเป๋าและเสื้อโค้ทก่อน หากใครมีของมีค่าก็สามารถฝากล็อกเกอร์แบบหยอดเหรียญได้ ส่วนกล้องสามารถพกเข้าไปได้จ้า

บรรยากาศภายใน
ชั้นแรกจะเป็นโถงแสดงเรือต่างๆ ตั้งแต่เก่าจนถึงใหม่

อธิบายหลักการของเรือแบบมีทุ่นลอยว่าทำไมต้องมี และทำไมจึงมีแค่ข้างเดียว
เรือใบแบบมีทุ่นลอย
เรือใบลำนี้คือเรือซานต้ามาเรีย (Santa Maria) เป็นเรือใบของโคลัมบัส
หลักการของใบเรือ 
รูปแสดงการใช้กระแสลมและการปรับใบเรือเพื่อแล่นเรือไปตามทิศทางที่ต้องการ
เรือใบจำลอง
แผนที่แสดงการเดินเรือครั้งสำคัญ เส้นสีน้ำตาลคือเส้นทางที่เรือแมกเจนแลนเดินทางรอบโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เรือพายของพวกไวกิ้ง 
เรือพายของโรมัน
ตัดขวางแสดงภายในของเรือให้ดู
เครื่องยนต์ภายในของเรือเดินสมุทรสมัยใหม่
เรือดำน้ำตัดขวางให้ดูภายในตลอดแนวลำเรือ
ภายในของเรือสำเภาสมัยก่อน
ภาพอธิบายการยิงปืนใหญ่บนเรือสมัยก่อน
แสดงการกินน้ำลึกของเรือขนาดต่างๆกัน
แสดงการกินน้ำลึกของเรือขนาดต่างๆกัน
วิธีการรักษาระดับของเรือเดินสมุทรโดยใช้ระบบสูบน้ำ
ชุดดำน้ำยุคสมัยแรกเริ่ม
ความพยายามในการสำรวจใต้สมุทรของมนุษย์
สิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกๆใต้ทะเลลึก
การทดลองให้เห็นถึงความดันน้ำที่ระดับที่แตกต่างกัน
ห้องควบคุมเรือดำน้ำจำลอง
ปลา Coelacanth ซึ่งเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ แต่เมื่อปี 1938 พึ่งมีการค้นพบว่ายังมีสายพันธุ์นี้หลงเหลืออยู่
อุปกรณ์บอกตำแหน่งการเดินเรือด้วยการดูดาวสมัยก่อน
เรือ Hover Craft
ชุดการทดลองว่าหัวเรือแบบใดจะทำให้เรือแล่นได้เร็วที่สุด
ธงสัญญาณต่างๆของเรือเดินสมุทร
ห้องพักบนเรือที่จำลองมาให้ดู
ส่วนต่อมาเป็นพวกกังหันและเครื่องจักรไอน้ำ

กลไกของกังหันยุคแรกๆที่ใช้น้ำตกในการหมุนกังหัน
ห้องไฟฟ้า อุปกรณ์ทดลองการปั่นไฟฟ้าด้วยมือ
ทดสอบหลอดไฟแบบต่างๆ
ห้องไฟฟ้า มีการทดลองทำฟ้าผ่าให้ดูด้วย
การทดลองของอาร์คีมีดีสเรื่องแรงลอยตัว และการพิสูจน์มงกุฏของพระราชาว่าเป็นทองคำแท้หรือไม่อันโด่งดังกับวลี "ยูเรก้า" (คิดออกแล้ว)
หนังสือของนิวตัน Principia Mathematica ที่ทำให้เราได้เรียนมาจากเล่มนี้แหละ
มีห้องแล็บสำหรับเด็กๆให้เข้ามาชมได้แบบสดๆ
ส่วนของเครื่องบิน และเครื่องบินลำแรกของพี่น้องตระกูลไรท์
นอกจากนั้นก็จะมีส่วนของ ดาราศาสตร์ อวกาศ ฟิสิกส์ และวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน ล้วนน่าสนใจทั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่เยอรมันจะผลิตบุคคลากรเก่งๆและเทคโนโลยีออกมาได้มากมายและผลักดันประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพราะพิพิธภัณฑ์แบบนี้ทำให้วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายมากๆ และยังปลุกความสนใจของเด็กๆได้ ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ยังตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ เด็กๆก็คงได้รับแรงบันดาลใจมหาศาล ซึ่งดีกว่าแค่การนั่งเรียนในห้องเรียนมากๆ

จะเห็นว่ามันกว้างและน่าสนใจจริงๆ เราเองเดินเก็บได้ครบก็แค่ส่วนเรือและสมุทรศาสตร์ ก็เที่ยงกว่าแล้ว (เรามาถึงตอนสิบโมงนะ มาตั้งแต่ตอนเปิด)

เนื่องจากถึงเวลาเตรียมตัวเดินทางไปยัง Fussen จึงต้องออกจากพิพิธภัณฑ์เพียงเท่านี้แล้วมุ่งหน้ากลับที่พักไปหยิบกระเป๋า โดยฝากสัมภาระส่วนหนึ่งไว้กับที่พัก เพราะพรุ่งนี้เราจะกลับมานอนมิวนิคอีกหนึ่งคืน

>>> การเดินทางไป Fussen นั้นเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ main station กดตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติ (มีภาษาอังกฤษ ไม่ต้องห่วง) แล้วเลือกรอบเวลาและปลายทาง โดยหากซื้อตั๋วแบบ fixed เวลาก็จะราคาถูกกว่าแบบเปลี่ยนเวลาได้หน่อย หรือใครต้องเดินทางในมิวนิคด้วยก็สามารถพ่วงตั๋วรถบัสหรือรถรางด้วยได้เลย
ที่สถานีมีร้านครัวซองร้านอร่อยอยู่หลายร้าน ราคาไม่แพง แนะนำว่าไม่ควรพลาด
จาก Munich มุ่งหน้ามายัง Fussen ใช้เวลาเดินทางราวสองชั่วโมง ราคา 23 ยูโร มีทั้งรถไฟสายตรงและที่ต้องเปลี่ยนขบวน เลือกที่เหมาะสมจากตู้ขายตั๋วได้เลย และบนรถไฟค่อนข้างสะดวกสบาย มีที่วางสัมภาระ มีที่แขวนเสื้อหนาว

>>> Fussen เองเป็นเมืองเล็กๆน่ารัก เบียร์อร่อยไม่แพ้ Munich ไอศครีมก็ยอดเยี่ยม อยู่ใกล้กับชายแดนประเทศออสเตรีย เป็นเมืองที่เป็นที่รู้จักจากการเป็นฐานการผลิตไวโอลีนและเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแวะเพื่อเตรียมตัวไปยังปราสาท Neuschwanstein

สำหรับตัวเมือง Fussen เองนั้นมีบรรยากาศที่เงียบสงบ วิวทิวทัศน์ที่มองเห็นภูเขาและแม่น้ำสีสวย อากาศดี เราสามารถเดินเล่นในเมืองนี้และชมวิวไปได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรเที่ยว
วิวแม่น้ำ Lech ยามเย็น
บรรยากาศแบบ Autumn
บ้านเรือนบางหลังก็มีใบไม้เปลี่ยนสี
เมืองเล็กๆกลิ่นอายยุโรปมาก
ย่านร้านค้าที่คึกคักยามเย็นถึงหัวค่ำ
ร้านเบียร์ที่เราแนะนำ Gasthof Krone
เบียร์รสดีมาก ไม่แพ้ Munich เลยคุณ หลับฝันดี
ตอนหน้าเราจะไปยังปราสาท Neuschwanstein และบริเวณโดยรอบ

ขอบคุณที่ติดตามตอนนี้และโปรดติดตามตอนต่อๆไปด้วยจ้า

ปล. ถ้าใครอ่านแล้วชอบ ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยจะขอบคุณมากเลย <3

ทริปรอบนี้ : PLAN เที่ยว มิวนิค+สวิส
ตอนที่ 1 : #MUNICHSWISS : DAY1 พาเที่ยวมิวนิค เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย
ตอนที่ 2 : #MUNICHSWISS : DAY2 MUNICH RESIDENZ พระราชวังหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย

--------------------------------------------------------------------------------------------------
*ฝากกดไลค์กดแชร์เพจ : https://www.facebook.com/lindaleolenda/ หน่อยนะจ๊ะ คนละจึ๊กสองจึ๊ก <3

ความคิดเห็น