#MunichSwiss : Day1 พาเที่ยว Munich เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย

สืบเนื่องจากคราวก่อน ที่ได้แชร์แพลนตอนไปเที่ยว มิวนิค-สวิสฯ รอบนี้ (ตามลิ้งค์นี้) นั้น คราวนี้ก็จะมาพาเที่ยวไล่ไปด้วยกันทีละวัน เสมือนทบทวนความทรงจำไปด้วยกันกับเรา

เริ่มแรกไปถึงสนามบิน กว่าจะหลุดจาก ตม. มาได้ก็เกือบๆชั่วโมง เดินตุหรัดตุเหร่ออกมาหาทางเข้าไปในเมือง ตอนแรกแพลนคือนั่งรถไฟ แต่ด้วยความที่มึนจากการเดินทาง เราเลยไม่ค่อยอยากใช้สมอง ก็เลยเดินไปถามที่ information เค้าก็บอกว่าไปรถบัสก็ได้เดินออกไปก็เจอป้ายเลย ก็เลยเดินออกมารอรถบัสรับลมเย็นๆกัน รถมีทุก 20 นาที ควรไปยืนรอที่ป้ายเลย (เรายืนรออยู่ข้างในอาคารตอนแรก ปรากฏว่าวิ่งลากกระเป๋าออกมาไม่ทันจ้า รถบัสโฉบมาแล้วก็ไปเลย =*=)
บรรยากาศตอนยืนรอรถบัส ด้วยความที่เป็นเดือนตุลา ใบไม้ก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว

ข้างในรถบัสก็จะสภาพประมาณนี้ นั่งสบายๆ ระหว่างทางก็หยิบแซนวิชจากบนเครื่อง (ซึ่งไม่อร่อย) ขึ้นมากินไปพลางๆ

ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็จะมาถึงป้าย Central Station ก็ลากกระเป๋าไปเก็บกันที่โรงแรมก่อน เนื่องจากทริปนี้เดินทางด้วยการนั่งรถไฟ ดังนั้นโรงแรมส่วนใหญ่จึงควรจองใกล้ๆสถานีรถไฟไว้เพื่อความสะดวกและไม่ต้องเผื่อเวลาเดินทางมาขึ้นรถไฟมากนัก

เก็บของเรียบร้อย เดินจากโรงแรมแถวๆสถานีมาราว 500 เมตร ก็จะมาถึงจุดหมายแรก "Karlsplatz" ถ้าแปลตามชื่อก็คือ จตุรัสชาร์ล (Karls = Charles เพราะตัว K ~ Ch ส่วน Platz ก็คือ จตุรัส) และสถานีรถไฟใต้ดินใต้จตุรัสนี้ก็เป็นสถานีรถไฟที่กว้างขวาง และมีร้านรวงเยอะแยะเลย
ตรงนี้จะมีเปิดน้ำพุแล้วรอบๆก็จะมีผู้คนมานั่งเล่น มายืนรอเพื่อน มาคุยกัน คงคล้ายๆเป็นจุดนัดพบกระมัง

ถัดมาอีกหน่อย คือ ประตูทรงโกธิค "Karlstor" ซึ่งทำหน้าที่เป็นป้อมประตูของเมืองมาตั้งแต่ยุคกลางจนถึงช่วงหลังของศตวรรษที่ 18 

และเมื่อเดินลอดเข้าไป (เหมือนผ่านประตูเมืองเข้าไป) ก็จะเข้าสู่ถนนที่ตรงยาวผ่านย่านร้านค้า พาเราไปยังจตุรัส "Marienplatz" ซึ่งเป็นไฮไลต์ของวันนี้

Neues Rathaus หรือศาลากลางใหม่ของเมือง

ไฮไลต์ที่ว่า คือ ที่ศาลากลางใหม่ของเมือง (Neues Rathaus) ที่ตั้งอยู่ที่จตุรัสนี้ จะมีการแสดงของระฆังดนตรี Glockenspiel ทุกๆ  11 โมงและตอนเที่ยง (คล้ายๆกับหอนาฬิกาที่ปราก) เป็นตุ๊กตานักเต้นและอัศวิน 32 ตัวที่จะออกมาเต้นรำท่ามกลางเสียงระฆัง 43 ใบที่จะกังวาลไปทั่วทั้งจตุรัสแห่งนี้ (เรามาถึงก่อนเที่ยงเกือบสิบนาที แถวนี้ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มายืนรอชมเต็มจตุรัสแล้ว บางคนก็นั่งจิบกาแฟที่ร้านแถวจตุรัสสบายๆเลย) สำหรับตัวศาลากลางนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1867 และ 1909 ส่วนหน้าของอาคารตกแต่งอย่างงดงามตามสไตล์โกธิคเป็นยอดแหลมสูงประหนึ่งจะเหยียดขึ้นไปให้ใกล้สวรรค์ให้มากที่สุด
ตุ๊กตานักเต้นและอัศวิน Glockenspiel

ตัว Marienplatz นี้ตั้งชื่อขึ้นตาม Mariensäule (เสาของพระนาง Mary) เป็นเสาซึ่งตั้งขึ้นกลางจัตุรัสเมื่อปี 1638 เพื่อเป็นเกียรติแก่ St. Mary จัตุรัสแห่งนี้เดิมเคยเป็นตลาด Viktualienmarkt มาก่อน ก่อนที่จะถูกย้ายไปตั้งในบริเวณที่ใหญ่ขึ้นใกล้ๆกันนี้ในปี 1807 
เสากลางจตุรัสซึ่งบนยอดเป็นพระแม่มารีย์ จตุรัสนี้จึงได้ชื่อว่า จตุรัสของพระแม่มารีย์ (Marienplatz)

อีกอย่างที่เป็นชื่อเสียงของที่นี่ก็คือ ในช่วงคริสมาสต์ร้านค้าต่างๆจะกลับมาตั้งแผงที่ Marienplatz แห่งนี้อีกครั้ง ตามที่เคยทำมา ตลาดนัดคริสต์มาสแห่งนี้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 หากมาท่องเที่ยวในช่วงนี้ ให้ลองแวะชิมไวน์ผสมเครื่องเทศ แล้วตามด้วยอัลมอนด์เคลือบน้ำตาลที่หอมอบอวลไปทั่วจัตุรัสแห่งนี้ ลัดเลาะตามแผงขายของเพื่อชมงานแกะสลักไม้แบบดั้งเดิม และเลือกซื้อของประดับคริสต์มาสที่ทำจากแก้วติดไม้ติดมือกลับไปที่บ้านก็ได้ (ไว้คราวหน้านะ แหะๆ)


หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปในจตุรัสแล้ว เดินลัดเลาะมาอีกหน่อยจะเจอกับโบสถ์ Peterskirche (โบสถ์ของเซนต์ปีเตอร์) ซึ่งมีหอระฆังให้เราขึ้นมาชมได้ เราจะเห็นวิวจากมุมสูงของจตุรัสและเมืองมิวนิคได้ ถือว่าเป็นจุดที่ควรขึ้นมาชมอีกจุดหนึ่งเลย (ปกติเราจะไม่ค่อยขึ้นพวกหอระฆังอะไรพวกนี้นะ เพราะส่วนใหญ่ก็เหมือนๆกัน มีที่นี่กับที่ฟลอเรนซ์นี่แหละ ที่คิดว่า เออ น่าขึ้น) แต่ขึ้นสูงมาก เดินขึ้นมา 14 ชั้นได้ หอบเลยหละ
วิวยอดฮิตที่ว่า เมื่อขึ้นมาแล้วเราจะมองเห็นจตุรัส Marienplatz, Neues Rathaus และโบสถ์หอคอยคู่ Frauenkirche ได้
ส่วนอีกด้านก็คือวิวมุมสูงของเมืองมิวนิค

และแถวรอบๆโบสถ์ Peterskirche นี้ก็จะมีร้านเค้ก ชีสเค้ก และร้านพิซซ่า ซึ่งดูน่ากินเหมือนๆกันหมดเลย ส่วนเราก็แวะกินมาชิ้นนึง อร่อยเลยหละ

พอลงมาเลาะๆไปจากโบสถ์อีกหน่อยก็จะเจอกับตลาด Viktualienmarkt ซึ่งย้ายขยับมาจาก Marienplatz นั่นแหละ แถวนี้ก็จะมีร้านรวงมากมายสมกับเป็นตลาด ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านขายชีส ร้านขายดอกไม้ ร้านขายแฮม ฯลฯ โอย เยอะแยะ
ตลาด Viktualienmarkt

ร้านขนมปัง อบหอมๆเลย

ร้านชีส ชีสกองสูง และเป็นก้อนกลมๆแบบที่เห็นในการ์ตูนเลย

อันนี้ลองซื้อกินดูที่ตลาด (หิวน่ะแหละ) อร่อยดีให้ซาวร์เคราต์เยอะมาก

โปรแกรมเที่ยวหลักๆของวันนี้จบแล้ว เวลาที่เหลือของวันนี้ก่อนอาหารเย็นเราใช้ไปกับการเดินเล่นและสำรวจหาราคาของต่างๆ ทั้งวัตถุดิบที่จะซื้อไปทำอาหารที่โรงแรม ทั้งไปส่วนถนนแบรนด์เนม (ซึ่งเพื่อนเราได้กระเป๋า Xannel ราคาแพงเหลือเกินมาใบนึง ***เอ้อ อนึ่งถ้าใครจะไปเที่ยวสวิสฯต่อแล้วบินกลับจากสวิส การทำ Tag refund ต้องทำที่เยอรมันนี่ก่อนนะ เราไปทำที่จุดผ่านแดนก่อนข้ามไปสวิสฯ ไม่สามารถไปทำที่ปลายทางที่สวิสฯก่อนกลับได้เหมือนประเทศอื่นๆนะ) แวะไปดูร้าน freitag ก็ไม่ไกลถ้าใครอิน

ปิดท้ายวันด้วยสิ่งที่เป็น a must จริงๆ คือ เยอรมันน่ะเป็นเมืองเบียร์ มาถึงแล้วเราก็ควรลองน่ะ วันแรกนี้เราไปที่ Hofbräuhaus ซึ่งเป็นร้านเบียร์เก่าแก่ที่ใครๆต่างก็แนะนำ
หน้าร้านซึ่งถ่ายตอนที่กินเสร็จแล้วกำลังจะกลับโรงแรม หากรูปเบลอก็ไม่แน่ใจว่าเพราะถ่ายกลางคืนหรือเพราะเมา
บรรยากาศในร้านส่วน outdoor ด้านใน

เมื่อเข้ามาถึง พนักงานพามาที่โต๊ะ แล้วจะให้เมนูทั้งอาหารและเครื่องดื่มเรา ก่อนจะปล่อยเราไว้พักนึง (นานอยู่) เพื่อให้เราอ่านและเลือกให้เต็มที่ เมนูเป็นภาษาเยอรมัน ต้องขออันที่เป็นภาษาอังกฤษมาด้วยจะได้ไม่ต้องเดาหรือมัวเปิดกูเกิล แต่สุดท้ายก็ถามพนักงานเอาน่ะว่า "อะไรอร่อย ยูแนะนำหน่อยดิ"
ก็เลยได้แก้วนี้มา เบียร์ตัวประจำร้าน ขนาดแก้ว 1 ลิตร (บวกกับของเพื่อนอีกครึ่งแก้วที่สั่งมาแค่กะจะจิบๆ ก็หลับสบายเลยคืนนั้น) 

เอ้อ เบียร์เห็นแก้วใหญ่ขนาดนี้แต่ราคาถูกนะ กินวันละแก้วได้สบายๆ (แล้วก็กินวันละแก้วจริงๆ)

อาหารก็เป็นเจ้านี่ ขาหมูเยอรมันกับมันบด 

เจ้าขาหมูเยอรมันที่เยอรมันเนี่ยไม่เหมือนขาหมูเยอรมัน (ทอด) ที่บ้านเรา คือ ไม่ได้กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดน่ะ กินมันทั้งแบบนี้เลย ตัวขาหมูก็จะกรอบนอกนุ่มใน แล้วราดมาด้วยน้ำเกรวี่เค็มๆน่ะ กินกับเบียร์ก็เข้ากันอยู่ เพลินใช้ได้ ส่วนจะชอบหรือไม่นั้นต้องมาลองเอง (สำหรับเราเราชอบน่ะ) แต่ตัวมันบดมันจะหนึบๆ เหมือนเขาผสมแป้งหรืออะไรสักอย่าง คือมันเป็นก้อนกลมๆจิ้มยากๆเลยหละ เพราะเนื้อมันจะยืดๆหน่อยๆด้วย

ไส้กรอกเยอรมัน(รวม) มากันเหนียว เผื่ออย่างอื่นไม่ถูกปาก แน่นอนว่ามาพร้อม ซาวร์เคราต์ ปริมาณมหาศาล 

อันนี้เป็นหมูอบหรือหมูย่างอะไรสักอย่าง มาพร้อมมันบดเช่นเดิม เนื้อนุ่มหนังกรอบ แต่รสชาติจะเบาเค็มกว่าขาหมูทอดหน่อย 

จบวันแรก เดินมึนๆกลับโรงแรม โปรดติดตามตอนต่อๆไปจ้า

ตอนที่ 2 : #MUNICHSWISS : DAY2 MUNICH RESIDENZ พระราชวังหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย
--------------------------------------------------------------------------------------------------
*ฝากกดไลค์กดแชร์เพจhttps://www.facebook.com/lindaleolenda/ หน่อยนะจ๊ะ คนละจึ๊กสองจึ๊ก <3

ความคิดเห็น