|
วิวเมืองลูเซิร์นจากยอดเขา Pilatus ซึ่งเป็น Highlight ของวันนี้ |
สำหรับวันที่ 6 นี้หลังจากเรากลับจากไป FREITAG Flagship Store ในตอนเช้า เราก็กลับโรงแรมมาขนกระเป๋า (โรงแรมในสวิสฯที่เราจองส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีลิฟต์ ดังนั้นทริปนี้ย้ายเมืองบ่อย ขนกระเป๋าขึ้นลงกันจนผอมเลย) และมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟซูริคเพื่อนั่งรถไฟต่อไปยังลูเซิร์น
จากซูริค นั่งรถไฟประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงลูเซิร์น เมื่อมาถึงก็เหมือนทุกเมือง เราลากกระเป๋าไปเก็บยังที่พักก่อน เมืองนี้ที่พักมีลิฟต์แต่ที่พักอยู่บนเนินสูงขึ้นมาจากระดับปกติ ก็ลากกระเป๋ากันเหนื่อยอยู่ดีแต่น้อยกว่าเมื่อวานหน่อย
จากนั้นกลับมาที่สถานีรถไฟ เพื่อต่อรถไฟมุ่งหน้าไปยังทางขึ้นยอดเขา Pilatus
ระหว่างทางจะพบกับสะพานไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ นั่นคือ สะพาน Kapellbrücke หรือ Chapel Bridge
Kapellbrücke เป็นสะพานหลังคาไม้สำหรับคนเดิน ที่ทอดตัวเฉียงพาดข้ามแม่น้ำ Reuss ณ ใจกลางเมืองลูเซิร์น สะพานไม่แห่งนี้เดิมเคยมีภาพเขียนเก่าแก่ประดับอยู่ แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกไฟไหม้ไปจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี 1993 กว่าสองในสาม และมีเพียงบางส่วนที่บูรณะกลับมาได้ สะพานแห่งนี้เป็นสะพานหลังคาไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และเป็นสะพานไม้แบบโครง (Truss bridge) ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งได้กลายเป็นแลนด์มาร์คสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลูเซิร์น
|
สะพาน Kapellbrücke หรือ Chapel Bridge |
ตรงกลางจะมีหอคอยทรงแปดเหลี่ยมอยู่นั่นคือ Wasserturm หรือ Water Tower ซึ่งไม่ได้หมายถึงหอเก็บน้ำ แต่หมายถึงหอคอยที่ตั้งอยู่ใจกลางแม่น้ำ เดิมทีเป็นสถานที่คุมขัง ทรมาน และกลายเป็นที่เก็บสิ่งของมีค่าของเมือง ในปัจุบันไม่เปิดให้เข้าชม ตัวสะพานเองถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของปราการเมือง เชื่อมต่อระหว่างฝั่งขวาคือส่วนเมืองเก่าและฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Reuss คือเขตเมืองใหม่ และช่วยป้องกันการโจมตีจากทางใต้ (ก็คือจากทางทะเลสาบ)
ถ่ายรูปและเดินเล่นบนสะพานจนเสร็จ แล้วข้ามมายังสถานีรถไฟ เพื่อนั่งรถไฟจากสถานีลูเซิร์นไปยังสถานี Alpnachstad ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที
|
เส้นทางการเดินทางไปยัง Mt.Pilatus |
เมื่อมาถึงสถานี Alpnachstad เดินออกมาจะพบกับที่ขายตั๋วสำหรับขึ้นรถรางสีแดงหรือ Pilatus Railway ซึ่งเป็นเส้นทางรถรางแบบล้อเฟืองที่ชันที่สุดในโลก จะพาเราขึ้นไปบนยอดเขา ด้วยความที่เรามี Swiss Pass ทำให้เราได้ลดราคาค่าตั๋วตรงจุดนี้ 50% !!! จาก 72 CHF เหลือเพียง 36 CHF (สมกับที่เป็นบัตรเบ่งแห่งสวิสฯจริงๆ =__=a) ส่วนขาลงจะเป็นกระเช้าลงมาจากข้างบน โดยเส้นทางของเรา คือ Alpnachstad–Pilatus Kulm–Kriens ซึ่งจะกลับมาลงในโซนเมืองของลูเซิร์นพอดี
|
เมื่อเดินออกมาจากสถานีรถไฟหันกลับไปจะพบกับยอดเขา Stanserhorn ตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม |
|
ซื้อมาด้วยราคาเบาๆจาก Swiss Pass |
|
มาเข้าแถวรอขึ้นที่สถานีตรงตีนเขา |
|
บรรยากาศในรถรางที่นั่งแต่ละแถวจะชันตามสภาพ |
ระหว่างทางนั้นรถรางจะค่อยๆไต่ระดับไปเรื่อยๆ ลมที่พัดลอดผ่านหน้าต่างมาก็จะเย็นๆพอให้รู้สึก จากริมหน้าต่างจะมองเห็นทะเลสาบลูเซิร์นฝั่งหนึ่งและวิวภูเขาตระหง่านอีกฝั่งหนึ่ง มองเห็นนักปีนเขาบางคนพยายามเดินขึ้นด้วยสองเท้าของตัวเอง กะด้วยความชันและระยะทางแล้วจะต้องเป็นผู้ที่มีทั้งพลังใจพลังกายและเวลาเหลือประมาณถึงจะเลือกเดินขึ้นแบบนั้น
|
เมื่อเริ่มต้นยังพอมองเห็นสิ่งก่อสร้าง(ถ้าจำไม่ผิดคือป้ายบอกว่าเป็นโรงแรม!!) |
|
ตรงกลางคือยอดเขา Stanserhorn ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบที่เราเห็นจากข้างล่าง |
|
วิวด้านในคือยอดเขาที่กำลังใกล้เข้ามา |
|
วิวอีกด้านคือสันเขาที่ค่อยๆบดบังพื้นดินจากสายตา |
|
ช่วงสุดท้ายจะมองเห็นด้านบนที่เป็นจุดหมายของเรา |
ภูเขาแห่งนี้มีเรื่องเล่าถึงที่มาของชื่อหลากหลาย บ้างก็ว่าที่นี่เป็นที่ฝังร่างของ Pontius Pilate ซึ่งเป็นผู้ว่าเมืองของโรมันคนที่สอบสวนและตัดสินความให้ตรึงกางเขนพระเยซู ทว่าตำนานนี้ก็ถูกเล่าแบบเดียวกันที่ภูเขา Monte Vettore ในอิตาลี (สรุปว่าฝังที่ไหนกันแน่นะ?) อีกเรื่องราวก็เล่าว่าด้วยลักษณะของภูเขาที่คนสมัยก่อนมองเห็นเป็นท้องของชายร่างอ้วนนาม Pilate ก็เลยตั้งชื่อภูเขาตามหมอนี่ สุดท้ายคือเชื่อว่าชื่อนี้น่าจะแผลงมาจากคำว่า pileatus ซึ่งแปลว่ามีเมฆปกคลุม (อันนี้น่าจะเข้าท่าที่สุดแล้ว)
|
มองกลับลงไปจะเห็นหุบเขาและเส้นทางที่รถรางสีแดงพาเราขึ้นมา |
ยอดเขาแห่งนี้ยังเคยมีบุคคลสำคัญๆหลายคนมาเยือน เช่น ธีโอดอร์ รูสเวลล์ และ ควีนวิคตอเรีย เป็นต้น
|
วิวจากยอดเขาฝั่งที่มองเห็นเมืองลูเซิร์น |
นอกจากนี้จะสังเกตเห็นรูปมังกรสีแดงในหลายๆจุด เพราะยังมีตำนานจากยุคกลาง ว่ามีมังกรที่มีพลังในการรักษาอาศัยอยู่ในถ้ำหินบนภูเขาที่นี่ มีพงศาวดารบันทึกไว้ว่า "ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเหม่อมองท้องฟ้าปลอดโปร่งยามค่ำคืน ข้าฯมองเห็นมังกรซึ่งส่องสว่างตัวหนึ่งกระพือปีกออกจากถ้ำหินขนาดใหญ่บนภูเขาที่ชื่อว่า Pilatus ตรงไปยังถ้ำอีกแห่งที่ชื่อว่า Flue ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบ" และกลายเป็นตำนานซึ่งถูกนำไปแต่งเป็นบทเพลงอีกด้วย ดังนั้นจึงมีรูปมังกรแดงแปะอยู่ตามจุดต่างๆให้เราเห็นกัน
ข้างบนจุดชมวิวนี้
ลม แรง มาก แนะนำให้ใส่ชุดที่กันลมได้จะได้ไม่หนาว และระวังสิ่งของปลิวลอยไปด้วยนะ
|
จุดลงรถรางเป็นจุดเดียวกับจุดนั่งกระเช้าลงไปข้างล่าง สามารถเดินขึ้นมาบนจุดชมวิวที่อยู่ขึ้นไปได้อีก |
|
มีโต๊ะเหมือนกับเป็นร้านอาหารสำหรับมานั่งทานและชมวิวไปด้วยได้ |
|
วิวมุมกว้างมองเห็นได้เกือบ 360 องศาเลย |
เมื่อชมวิวและเดินถ่ายรูปจนพอใจ (และเริ่มหนาว) เราเดินกลับลงมายังจุดนั่งกระเช้าเพื่อต่อคิวนั่งกระเช้าลงมาข้างล่าง
|
จุดนั่งกระเช้าลง |
|
ลงมาระยะหนึ่งจากบน Pilatus |
|
ระหว่างนั่งกระเช้าลง สังเกตเห็นโบสถ์บนสันเขาข้างๆ ดูเหงาๆเดียวดายๆ |
|
เมื่อลงมาเรื่อยๆก็จะมีถนนอยู่ข้างล่าง หมายถึงลดระดับความสูงลงมาได้เยอะแล้ว |
|
ถึงที่หมายยังสถานีที่ Kriens |
เมื่อลงจาก Cable Car ให้เราเดินต่อมาอีกหน่อยจนถึงถนนซึ่งจะเจอกับป้ายรถเมล์ เราจะสามารถขึ้นรถเมล์สาย 1 กลับเข้ามายังใจกลางเมืองบริเวณสถานีรถไฟลูเซิร์นได้ แน่นอนว่าด้วย Swiss Pass เราก็สามารถขึ้นรถเมล์จากตรงนี้ได้ฟรี และสามารถนั่งเลยไปจนถึงอนุเสาวรีย์สิงโตแห่งลูเซิร์นได้เลย
|
Lion Monument of Lucerne |
อนุเสาวรีย์สิงโต "The Lion Monument" นี้เป็นรูปสลักสิงโตซึ่งถูกแทงด้วยหอกและกำลังจะตายนอนทับโล่ซึ่งมีตรา fleur-de-lis ของราชวงศ์ฝรั่งเศสและโล่อีกอันข้างๆซึ่งมีตราลัญจกรณ์แห่งสวิสเซอร์แลนด์ ได้สลักไว้บนผาหินเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับเหล่า Swiss Guard (กองทหารรับจ้างสวิสฯซึ่งมีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์อย่างมาก และเป็นกองทหารที่อารักขาอยู่ในวาติกันด้วย) ซึ่งตายไปในเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส เมื่อฝ่ายปฏิวัติบุกไปยังพระราชวังทุยเลอรีที่ปารีสขณะที่เหล่า Swiss Guard ทำหน้าที่อารักขาราชวงศ์ จนทำให้มี Swiss Guard เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้จำนวนมาก ด้านล่างของสิงโตสลักรายชื่อและจำนวนของเหล่าผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิต ส่วนด้านบนสลักไว้ว่า "Helvetiorum Fidei ac Virtuti" ซึ่งแปลว่า "แด่เหล่าสวิสฯผู้กล้าหาญและภักดี"
จากนั้นขึ้นรถเมล์กลับมาแถวที่พัก เดินเล่นชมเมืองและแวะหาอะไรกิน
เป็นอันจบการเดินทางในลูเซิร์นเพียงเท่านี้...
ในตอนหน้าเราจะเดินทางไปยังเมืองในหุบเขา "กรินเดลวัลด์" กัน
ขอบคุณที่ติดตามตอนนี้และโปรดติดตามตอนต่อๆไปด้วยจ้า
ปล. ถ้าใครอ่านแล้วชอบ ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยจะขอบคุณมากเลย <3
ทริปรอบนี้ :
PLAN เที่ยว มิวนิค+สวิส
ตอนที่ 1 :
#MUNICHSWISS : DAY1 พาเที่ยวมิวนิค เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย
ตอนที่ 2 :
#MUNICHSWISS : DAY2 MUNICH RESIDENZ พระราชวังหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย
ตอนที่ 3 :
#MunichSwiss : Day3 Deutsches Museum และเดินทางสู่ Fussen
ตอนที่ 4 :
#MUNICHSWISS : DAY4 ปราสาทชื่อดังแห่งแคว้นบาวาเรีย "NEUSCHWANSTEIN"
ตอนที่ 5 Part1 :
#MUNICHSWISS : DAY5 TAX REFUND ก่อนเข้าสวิสฯ (PART1/2)
ตอนที่ 5 Part2 :
#MUNICHSWISS : DAY5 ข้ามแดนสู่สวิสฯ และพาเที่ยวซูริค (PART2/2)
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น