#MunichSwiss : Day2 Munich Residenz พระราชวังหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย

ทริปรอบนี้ : PLAN เที่ยว มิวนิค+สวิส
ตอนที่ 1 : #MUNICHSWISS : DAY1 พาเที่ยวมิวนิค เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย

สำหรับวันที่ 2 นี้ เราจะใช้เวลาทั้งวันเที่ยวชมใน Munich Residenz ซึ่งเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวงของราชวงศ์วิทเทิลส์บัค (Wittelsbach) และถือเป็นพระราชวังกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันซึ่งปัจจุบันเปิดให้เข้าชมสถาปัตยกรรม การตกแต่งโอ่อ่าภายใน และสิ่งของจากสมัยราชวงศ์

เราเดินจากที่พักแถวสถานีหลักมายังจตุรัส Max-Joseph-Platz ซึ่งเป็นจตุรัสหน้า Munich Residenz

>>> ตัวจตุรัส Max-Joseph-Platz เป็นจตุรัสขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ตั้งชื่อตามกษัตริย์ Maximilian Joseph และถือเป็นจุดเริ่มต้นทางด้านตะวันตกของถนนหลวง Maximilianstraße ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ถนนเส้นหลักของมิวนิค และบริเวณนี้เองที่เป็นที่ตั้งของร้านรวงแบรนด์เนมต่างๆมากมาย (เป็นบริเวณที่เพื่อนในทริปเราคนนึงได้กระเป๋ามูลค่าสองเท่าของค่าทริปครั้งนี้กลับบ้านไปด้วย...) ตรงกลางจตุรัสก็เป็นรูปปั้นของกษัตริย์ Maximilian Joseph  ซึ่งที่อ่านมาเห็นว่าตอนแรกตัวกษัตริย์เองไม่ค่อยชอบรูปปั้นนี้ เพราะเหมือนพระองค์จะต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ไปตลอดกาล (rejected to be eternalized in sitting position, LOL) แต่สุดท้ายก็นำรูปปั้นมาวางตรงนี้ตอนปี 1,835 อยู่ดี และแถวๆนั้นก็จะมองเห็นอาคารที่ดูโอ่โถงหน่อยนั่นคือโรงละครแห่งชาตินั่นเอง
บริเวณจตุรัสซึ่งประตูที่เห็นคือทางเข้า Munich Residenz โดยโรงละครอยู่ด้านหลัง และอนุเสาวรีย์กษัตริย์ Maximilian Joseph อยู่ทางซ้ายของภาพ

ที่เราจะเข้าชมหลักๆวันนี้ คือ Residenz Museum, The Treasury และ The Old Residenz Theatre ซึ่งค่าเข้าชมจะแบ่งเป็นสามส่วนสำหรับคนที่ไม่ได้คิดจะเดินดูทั้งหมด หรือหากจะเดินดูทั้งหมดก็ซื้อแบบ Combination เลยก็จะราคาถูกกว่า (ตรวจสอบราคาได้ ที่นี่) แน่นอนว่าเราซื้อแบบ Combo นี่แหละ ตกคนละ 13 ยูโร

>>> ส่วนแรกที่เราเริ่มเดินเข้าชม คือ Residenz Museum ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้เวลาเกือบทั้งวัน เพราะมีห้องให้เดินชมเป็นร้อยๆห้อง ก่อนเข้ามาในส่วนนี้จะมีโซนให้เราฝากกระเป๋าเป้และสัมภาระต่างๆก่อนเข้าด้วย ซึ่งมีจุดน่าสนใจหลักๆ ดังนี้

  • ห้อง Antiquarium (ห้องเบอร์ 7) เป็นห้องที่เก่าแก่ที่สุดของ Munihc Residenz เลย ลักษณะจะเป็นห้องโถงยาวๆ ตัวห้องตกแต่งด้วยศิลปะแบบฟื้นฟู (Renaissance) ตอนแรกสร้างโดย Duke Albrecht V เพื่อใช้สำหรับเป็นห้องเก็บงานประติมากรรมโบราณต่างๆที่สะสมไว้ และลูกหลานก็เพิ่มการตกแต่งและภาพวาดเข้าไปในเวลาต่อมา
    The Antiquarium
  • โถงบันได Imperial Staircase (ห้องเบอร์ 110) เป็นโถงที่เชื่อมต่อมาจากบริเวณสนามด้านล่าง และบริเวณบันไดนี้ก็ประดับไปด้วยประติมากรรมของบรรพกษัตริย์แห่งราชวงศ์ Wittelsbach 
    Imperial Staircase
  • ห้อง Imperial Hall (ห้องเบอร์ 111) สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ Maximilian I ตอนต้นศตวรรษที่ 17 ซึ่งในสมัยนั้น ห้องโถงนี้ถือเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญที่สุด เพราระใช้สำหรับประกอบพิธีที่สำคัญๆและเป็นทางการ ประดับไปด้วยภาพเขียนเรื่องราวที่ถ่ายทอดมาจากพระคัมภีร์ ภาพหลักตรงกลางสื่อความหมายถึงพระราชอำนาจ สติปัญญา และเกียรติยศชื่อเสียง อย่างไรก็ตามภาพจริงนั้นถูกไฟไหม้ไปในช่วงสงคราม ที่แสดงอยู่เป็นภาพที่จัดทำขึ้นทีหลัง
    Imperial Hall
  • Court Chapel (ห้องที่ 89) โบสถ์แห่งนี้สามารถเข้าถึงได้จากทางด้านล่าง ซึ่งสำหรับผู้ที่จะมาประกอบพิธี และจากด้านบนซึ่งเป็นระเบียงเชื่อมต่อมาจากส่วนอาศัย สำหรับคนในราชวงศ์เพื่อมาประกอบพิธีต่างๆ โดยโบสถ์หลังนี้อุทิศให้กับความบริสุทธิ์ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ กษัตริย์ Maximilian I ทรงรับอุปถัมป์พระแม่มารีย์ให้เป็นนักบุญประจำราชวงศ์ Wittelsbach และประจำแคว้นบาวาเรีย ภาพใหญ่สุดตรงกลางเหนือแท่นบูชาแสดงถึงพระแม่มารีย์ใต้รัศมีแห่งตรีเอกานุภาพ 
    Court Chapel
  • ส่วนที่ประทับของกษัตริย์และราชินี (ห้องที่ 72 - 127) ก่อสร้างขึ้นเพิ่มเติมจากเดิมในรัชสมัยของกษัตริย์ King Ludwig I ซึ่งหลงใหลในศิลปะแบบอิตาลีและศิลปะแบบฟื้นฟู ส่วนประทับของกษัตริย์นั้นตกแต่งด้วยธีมจากกวีกรีกโบราณ และส่วนประทับของราชินีตกแต่งด้วยภาพจากงานของนักเขียนชาวเยอรมัน โดยมีสถาปนิกเอก คือ Leo von Klenze ซึ่งเป็นผู้นิยมศิลปะแบบนีโอคลาสสิคตัวยงของมิวนิคในสมัยนั้น และสถาปนิกผู้นี้ยังเป็นคนออกแบบจตุรัส Max-Joseph-Platz ที่อยู่ข้างหน้าพระราชวังโดยอาศัยต้นแบบจาก Palazzo Pitti และ Palazzo Rucellai แห่งฟลอเรนซ์อีกด้วย 


  • Rich Chapel (ห้องที่ 98) เป็นห้องสักการะส่วนตัวของ Duke Maximilian I และยังเป็นที่เก็บสะสมเครื่องรางหายากต่างๆมากมาย 
  • East Asian Collection เป็นห้องเก็บสะสมของสะสมต่างๆ ซึ่งเยอะมาก มีทั้งของจากโลกตะวันออก เช่น รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหรือแจกันลายครามของจีนด้วย

>>>   ส่วนที่สอง คือ Treasury ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้เวลาไม่นาน เป็นห้องจัดแสดงสมบัติประมาณสิบห้องเท่านั้น หลังจากเดินออกมาจากส่วน Residenz Museum และรับกระเป๋าที่ฝากไว้แล้ว เดินตรงมาจะเจอกับส่วนนี้อยู่ตรงข้ามทางเข้าของส่วนแรก ส่วนนี้นั้นจะจัดแสดงอัญมณี งานเครื่องทอง เครื่องเคลือบ งาช้าง และสมบัติต่างๆของราชวงศ์ที่สะสมมาหลายศตวรรษ เริ่มต้นจาก Duke Albrecht V ซึ่งมีความตั้งใจจะส่งผ่านความมั่งคั่งนี้ผ่านจากรุ่นสู่รุ่น และจัดแสดงสู่สาธารณะชนในปี 1985 นี้เอง










ส่วนหนึ่งของห้องสมบัติดังกล่าว

 >>>   ส่วนสุดท้ายของวัน คือ Cuvilliés Theatre ซึ่งเป็นโรงละครใหญ่ ตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ François Cuvilliés ประกอบด้วยส่วนที่นั่งของผู้ชมซึ่งสร้างขึ้นโดย Elector Maximilian Joseph III สำหรับใช้เป็นโรงโอเปร่าส่วนตัว โรงละครแห่งนี้ปิดให้เข้าชมหลัง 5 โมงเย็น ดังนั้นระวังเดินส่วนอื่นเพลินแล้วลืมเผื่อเวลามาที่นี่นะ



นอกจากนี้ ภายนอกตัวอาคารยังมีบริเวณลานของพระราชวังอยู่หลายจุด ซึ่งจะพบเจอได้ระหว่างการเดินเปลี่ยนอาคารหรือมองจากหน้าต่างออกมา โดยเราสามารถแวะถ่ายรูปสวยๆได้ด้วย โดยเราได้มีโอกาสเดินไล่ดูก็หลังจากเดินชมครบทั้ง 3 ส่วนเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินออกมาจึงค่อยๆเดินไล่ไปทีละลานทีละจุด
จากแผนที่เมื่อเราเดินเข้ามาจากทางด้านจตุรัส ก็จะเจอกับ Royal Palace Courtyard ก่อนเลย
Royal Palace Courtyard

และตรงกลาง คือ ลานน้ำพุหรือ Fountain Courtyard (Brunnenhof) ซึ่งเป็นลานแปดเหลี่ยม และใจกลางเป็นน้ำพุบรอนซ์ที่เป็นรูปปั้นของ Duke Otto I ซึ่งเป็น Duke แห่งบาวาเรียคนแรกของสกุล Wittelsbach
Fountain Courtyard
เมื่อเดินผ่าน Fountain Courtyard มาก็จะเจอกับ Imperial Courtyard ซึ่งเป็นลานที่จะเปิดใช้เฉพาะในพระราชพิธีสำคัญๆ และก่อนเข้าไปยัง Cuvilliés Theatre ก็จะเจอกับลานของโรงละครหรือ Comité Courtyard (Comitéhof) ซึ่งปัจจุบันเป็นลานหลังคากระจกใสทรงโค้ง

สำหรับโปรแกรมวันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ เป็นวันที่เหนื่อยมาก เพราะเดินตระเวณในส่วน Residenz Museum ก็ใช้เวลาจนเกือบเย็นแล้ว ด้วยความอลังการและกว้างขวางภายใน ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ควรมาเยื่ยมชมเมื่อแวะมามิวนิคเลยทีเดียว

ตอนหน้าจะพาไปพิพิธภัณฑ์ Deutsches Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ชื่อดังอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด ก่อนจะย้ายไป Fussen เพื่อเตรียมไปยังปราสาท Neuschwanstein ขอบคุณที่ติดตามตอนนี้และโปรดติดตามตอนต่อๆไปด้วยจ้า

ปล. ถ้าใครอ่านแล้วชอบ ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยจะขอบคุณมากเลย <3

--------------------------------------------------------------------------------------------------
*ฝากกดไลค์กดแชร์เพจ : https://www.facebook.com/lindaleolenda/ หน่อยนะจ๊ะ คนละจึ๊กสองจึ๊ก <3

ความคิดเห็น