#MUNICHSWISS : DAY10 Interlaken เมืองแห่ง 2 ทะเลสาบ และล่องเรือผ่านทะเลสาบ Thun


เช้านี้เราลากกระเป๋าออกมาจากที่พักหลังจากอาหารเช้ามื้อใหญ่ (เพราะที่พักเช้านี้ มีครัวส่วนกลางที่กว้างขวาง ทำให้เราสามารถปรุงอาหารแบบเต็มที่ได้) แล้วจับรถบัสนั่งจากป้ายหน้าที่พักกลับมายังสถานีรถไฟ Interlaken

วันนี้เรายังใช้วิธีการเดิมกับเมื่อวาน คือ ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานีรถไฟ (ไม่เข็ดนะ 555) แล้วไปเที่ยว ก่อนจะกลับมาเอากระเป๋าแล้วนั่งรถไฟไปเมืองถัดไป แต่ความสะดวกของวันนี้ คือเป็นการฝากกับตู้ฝากกระเป๋าแบบหยอดเหรียญ ซึ่งเช็คมาล่วงหน้าจากในเว็บแล้วว่ามีตู้มากมายและหลากหลายขนาด สามารถฝากได้แน่นอน (และเป็นสถานีรถไฟของเมืองใหญ่ จึงมั่นใจได้ว่ายังไงก็มีที่ฝาก) ข้อดีอีกอย่างคือ Harder Kulm ที่เราจะไปกันเช้านี้อยู่แทบจะติดกับสถานีรถไฟเลยด้วย
จากสถานีรถไฟ Interlaken เดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำมาก็จะเป็นรถรางที่พาขึ้นไปยังยอด Harder Kulm
ชื่อของเมือง Interlaken นี้ เราอาจจะพอเดาได้ว่า หมายถึงเมืองที่ตั้งอยู่ตรงกลางและมีทะเลสาบขนาบข้าง (Inter + Lake) ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอย่างดี เพราะนอกจากเมืองแห่งนี้จะมีวิวทิวทัศน์สวยงามที่ขนาบข้างด้วยทะเลสาบ Thun ทางตะวันตกและทะเลสาบ Brienz ทางตะวันออกแล้ว เมืองนี้ยังเป็นทางผ่านเข้าไปยังหุบเขาบริเวณ Jungfrau region หรือเมืองท่องเที่ยวสวยๆหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Lauterbrunen และ Grindelwald

จุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ Interlaken ก็คือบนยอด Harder Kulm ที่ถือว่าเป็น Top of Interlaken ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า หาก Interlaken มีพระราชา พระองค์จะต้องประทับอยู่บน Harder Kulm นี้ เพราะจากจุดชุมวิวของ Harder Kulm นั้น เราจะสามารถมองลงไปเห็นวิวสวยงามของเมืองและทะเลสาบทั้งสองแห่ง รวมถึงยอดเขา Eiger, Monch และกระทั่ง Jungfrau อยู่ลิบๆ (จริงๆร้านอาหารบน Harder Kulm นี้ที่เป็นแบบ Panorama ก็ให้บรรยากาศเหมือนนั่งมองลงไปจากปราสาทเหมือนกันเลยล่ะ)

เดินจากสถานีรถไฟ Interlaken Ost station มาไม่ไกลข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ Aare ก็จะเป็นสถานี Interlaken Harderbahn ที่จะพาเรานั่งรถรางสีแดงขึ้นเขาไปบน Harder Kulm
สะพาน Beaurivage ข้ามแม่น้ำ Aare
เส้นทางรถรางนี้จะพาเราตัดผ่านหมู่ไม้ ใช้เวลาไม่นานก็ขึ้นมาถึงบน Harder Kulm
ระหว่างรอขึ้นรถราง
รถรางสีแดงพาเราขึ้นเขาไป
จากสถานีปลายทางบนยอดเขา เป็นทางเดินสั้นๆใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็จะมาถึงบริเวณร้านอาหารที่เรากล่าวถึงในตอนแรก
วิวเมื่อเดินออกมาจากสถานีบนยอดเขา
เดินถัดมาอีกหน่อยจะเริ่มมองเห็นวิวที่พ้นจากต้นไม้
ระหว่างทางเดินไปยังจุดชมวิว มีม้านั่งไม้ให้นั่งพักดูวิวหรือปิกนิคเบาๆเป็นระยะ
ใกล้ๆกันจะเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวทุกคนตั้งใจมา คือ จุดที่เรียกว่า “Two-Lakes-Bridge” ที่เป็นจุดชมวิวเหมือนระเบียงยื่นออกไป เผยให้เห็นทั้งวิวจากมุมสูงมองลงไปเห็นทั้งเมืองและทะเลสาบทั้งสองแห่งได้แบบพาโนรามา และบริเวณที่เป็นพื้นกระจกใส และถ้าคุณมีสายตาที่ดีพอในวันที่อากาศเป็นใจก็อาจมองเห็นยอดเขา Eiger, Monch และกระทั่ง Jungfrau อยู่ลิบๆ และใกล้เข้ามาหน่อยเป็นวิวทั้งหมดโดยรอบของเมือง Interlaken กับทะเลสาบ Brienz ทางด้านซ้ายและทะเลสาบ Thun ทางด้านขวาจากจุดนี้
วิวเมือง Interlaken จากมุมสูง
จุดชมวิวไฮไลต์ของที่นี่ “Two-Lakes-Bridge” และทะเลสาบ Thun
ทะเลสาบ Brienz ทางด้านซ้าย
หลังจากนั่งชมวิว และเดินถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ๆ และได้เครื่องดื่มลักษณะคล้ายๆ Slurpy ที่ขายอยู่บนนั้นแก้คอแห้งไป ก็ได้เวลาไปยังจุดหมายต่อไป

เรานั่งรถรางกลับลงมาจากบนสถานีแล้วเดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อไปยังสถานีรถไฟ Interlaken และจับรถไฟไปยังเมือง Thun เมืองอีกด้านของทะเลสาบ Thun (และกินแซนวิซบนรถไฟระหว่างเดินทาง)

ใช้เวลาไม่นานในการเดินทาง โดยระหว่างทางมีแวะเปลี่ยนขบวนรถไฟที่เมืองเล็กๆชื่อ Spiez จากนั้นเราก็มาถึงเมืองแห่งทะเลสาบ Thun
ชานชาลาที่สถานีรถไฟ Spiez แตกต่างจากสถานีอื่นๆ คือ การเดินข้ามระหว่างชานชาลาจะเป็นทางเดินข้ามด้านบนแทนที่จะลอดใต้รางรถไฟแบบเมืองอื่นๆ
เมือง Thunแห่งนี้ตั้งอยู่เกือบสุดปลายทะเลสาบ Thun ย่านเมืองเก่าตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ซึ่งมีปราสาทเก่าแก่จากสมัยศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่ และด้วยความที่เป็นเมืองแห่งทะเลสาบที่เต็มไปด้วยท่าเรือ จากเมืองนี้เราสามารถนั่งเรือล่องข้ามทะเลสาบ Thun กลับไปยัง Interlaken ได้ด้วย และนั่นคือเป้าหมายของเรา

จากสถานีรถไฟ เราเดินมายังท่าเรือซึ่งอยู่ไม่ไกล มีรอบเรือเดินทางกลับไปยัง Interlaken ทั้งเกือบวัน เป็นวิธีการเดินทางที่แม้จะใช้เวลามากกว่า แต่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศนานกว่าเช่นกัน

บัตร Swiss Pass ของเราก็ออกโรงอีกครั้ง ด้วย Swiss Pass เราสามารถโดยสารเรือกลับไปยัง Interlaken ได้ (เป็นที่นั่งชั้น 2) ซึ่งจากที่เห็นก็แทบไม่ต่างจากที่นั่งชั้น 1
เมืองแห่งทะเลสาบ Thun และย่านเมืองเก่าที่หากมีเวลาก็น่ามาเดินชมอีกสักครั้ง
ริมทะเลสาบจะมีจุดแวะจอดเป็นจุดๆ ซึ่งหากเปลี่ยนใจก็สามารถขึ้นที่ท่าเรือระหว่างทางนี้ และเดินทางกลับไปยัง Interlaken ต่อได้ด้วยรถเมล์

อีกจุดสำคัญที่เรือแวะจอดให้ลง คือ ปราสาท Oberhofen ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมือง Thun มากนักริมฝั่งของทะเลสาบ เป็นปราสาทเก่าแก่ที่สวยงามและคลาสสิคมาก ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์
เรือเยอะสมกับเป็นเมืองแห่งทะเลสาบ
ในทะเลสาบมีคนมาทำกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย ทั้งเล่นเรือใบหรือมาพายเรือ
ท่าเรือปราสาท Oberhofen
บนเรือมีทั้งส่วนที่เป็นห้องโดยสารด้านใน และบริเวณเปิดโล่งด้านนอก หากอยากสูดอากาศและรับลมก็นั่งด้านนอกไปได้เลย แต่ลมค่อนข้างเย็น นั่งๆไปสักพักเราก็แว่บเข้าไปหลบลมแล้วค่อยออกมา
วิวเมื่อมองไปทาง Interlaken
เมือง Spiez อยู่ไม่ไกลออกไปนัก
เรือนั่งสบาย ไม่โคลง ไม่เมาเรือ อาจเพราะทะเลสาบไม่มีคลื่น
จากนั้นเมื่อกะเวลา เราตัดสินใจลงจากเรือที่เมือง Spiez อีกครั้งและเปลี่ยนเป็นนั่งรถไฟกลับไปยัง Interlaken ต่อเพื่อให้ไปถึง Zermatt ก่อนจะมืดเกินไป

จาก Interlaken เราเอากระเป๋าคืนจากตู้ที่ฝากไว้เมื่อเช้า แล้วนั่งรถไฟไปยัง Zermatt ซึ่งปกติใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่วันที่เราไป ปรากฏว่ามีการทำทางรถไฟ ทำให้เราต้องแวะที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งแล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อโดยสารข้ามจุดที่ทำทาง แล้วเปลี่ยนกลับเป็นนั่งรถไฟอีกครั้ง โดยมีการแจ้งจากเจ้าหน้าที่รถไฟ และบริการรถบัสให้อย่างราบรื่น คือมีป้ายมีคนบอกทางตลอดในช่วงที่ต้องขนกระเป๋าและย้ายไปยังรถบัส
บรรยากาศการนั่งรถบัสมาต่อรถไฟ (ขบวนสีแดงๆด้านขวามือ)
ถึงขนาดนี้เดาได้เลยว่า เราไปถึง Zermatt ในเวลาประมาณทุ่มนึง ซึ่งปรากฏว่าเมืองมืดและร้านค้าต่างๆปิดเกือบหมดแล้ว แถมรถบัสโดยสารประจำเมืองก็เหลือเป็นเที่ยวสุดท้าย (เกือบต้องลากกระเป๋าเดินหาที่พักมืดๆแล้ว) แถมเมื่อมาถึงที่พักปรากฏว่าติดต่อเจ้าของบ้านไม่ได้ และไม่รู้รหัสเปิดตู้กุญแจ แถมคนแถวนั้นไม่พูดภาษาอังกฤษ กว่าจะสื่อสารแล้วเข้าที่พักได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเลย (โชคดีที่มีมิตรสหายบางคนเปิด roaming มาทำให้โทรได้)

เป็นอันจบวันที่ 10 ของการเดินทางแต่เพียงเท่านี้

ในตอนหน้าเราจะเดินทางไปยังปราสาท Chillon ต่อด้วยเมือง Montreux และ Vevey ริมทะเลสาบ Geneva กัน

ขอบคุณที่ติดตามตอนนี้และโปรดติดตามตอนต่อๆไปด้วยจ้า

ปล. ถ้าใครอ่านแล้วชอบ ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยจะขอบคุณมากเลย <3

ทริปรอบนี้ : PLAN เที่ยว มิวนิค+สวิส
ตอนที่ 1 : #MUNICHSWISS : DAY1 พาเที่ยวมิวนิค เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย
ตอนที่ 2 : #MUNICHSWISS : DAY2 MUNICH RESIDENZ พระราชวังหลวงแห่งแคว้นบาวาเรีย
ตอนที่ 3 : #MunichSwiss : Day3 Deutsches Museum และเดินทางสู่ Fussen
ตอนที่ 4 : #MUNICHSWISS : DAY4 ปราสาทชื่อดังแห่งแคว้นบาวาเรีย "NEUSCHWANSTEIN"
ตอนที่ 5 Part1 : #MUNICHSWISS : DAY5 TAX REFUND ก่อนเข้าสวิสฯ (PART1/2) 
ตอนที่ 5 Part2 : #MUNICHSWISS : DAY5 ข้ามแดนสู่สวิสฯ และพาเที่ยวซูริค (PART2/2)
ตอนที่ 6 : #MUNICHSWISS : DAY6 ขึ้นภูเขามังกร MT.PILATUS และอนุเสาวรีย์สิงโตแห่งลูเซิร์น
ตอนที่ 7 : #MUNICHSWISS : DAY7 เมืองในหุบเขา "กรินเดลวัลด์"
ตอนที่ 8 : #MUNICHSWISS : DAY8 เลาเทอร์บรุนเนิน เมืองในหุบเขา น้ำตกอลังการ และยอดเขาเจมส์ บอนด์
ตอนที่ 9 : #MUNICHSWISS : DAY9 จุงเฟรา แม่สาวน้อยฉายา TOP OF EUROPE และกรินเดลวัลด์ FIRST
--------------------------------------------------------------------------------------------------
*ฝากกดไลค์กดแชร์เพจ : https://www.facebook.com/lindaleolenda/ หน่อยนะจ๊ะ คนละจึ๊กสองจึ๊ก <3

ความคิดเห็น