ใครไม่หมิง #คุนหมิง Part2 : ป่าหิน Stone Forest + ชาบูแบบยูนนาน!

ต่อจากคราวก่อน หลังจากที่เรียนเขียนพู่กันหมึกจีนอะไรไปบ้างจิปาถะ ก็เข้าสู่ช่วงหยุดเสาร์อาทิตย์ที่พอจะมีเวลาว่าง มิตรสหายชาวจีนจึงพาเราและชาวคณะไปท่องเที่ยวในอาณาบริเวณของคุนหมิงตามประสาเจ้าบ้าน และทานอาหารท้องถิ่น ซึ่งในตอนต้นยังอุบไว้ไม่บอกเราว่าจะพาไปทานอะไร

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของคุนหมิงนั้นคือป่าหินหรือที่คนจีนเรียกให้เราเข้าใจง่ายๆว่า Stone Forest ไปเลย แต่ในภาษาจีนเรียกว่า "Shilin" (ชื่อหลิน) ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกมาทางใต้จากตัวเมืองคุนหมิงราว 90 กม. ก็ถือว่าไม่ไกลไปสำหรับ one day trip

สำหรับใครที่มาเองไม่ได้มีมิตรสหายชาวจีนหารถให้ก็สามารถนั่งรถบัสจากสนามบินมายังป่าหินนี่ได้ มีรถออกทุกชั่วโมง

เมื่อมาถึงแล้วเดินมาจากบริเวณจอดรถนิดนึงก็จะเจอกับที่ขายตั๋ว เราสามารถต่อคิวซื้อหรือซื้อกับเครื่องขายตั๋วก็ได้
ตั๋วราคา 155 CNY (ประมาณหกร้อยกว่าบาท) ด้านหลังเป็นแผนที่ของอุทยาน ตั๋วมี 2 ใบนะ ใบนึงสำหรับนั่งรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปข้างใน (ใช่ครับ ที่คุนหมิงรถยนต์ส่วนใหญ่รวมถึงจักรยานยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเงียบมากและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย) และอีกใบนึงสำหรับผ่านประตูด้านในเข้าไป
เมื่อนั่งรถเข้ามาระยะนึง รถจะมาจอดที่หน้าพิพิธภัณฑ์ที่ด้านหน้ามีรูปปั้นขนาดใหญ่เป็นรูปคนกางแขน หากมีเวลาเหลือก็สามารถมาแวะชมได้
เดินเลยจากพิพิธภัณฑ์มาหน่อยจะพบกับจุดตรวจตั๋ว ซึ่งเราก็จะใช้ตั๋วครบ 2 ใบพอดีที่ตรงจุดนี้
เมื่อผ่านเข้ามาจุดแรกจะเจอกับหินสลักที่บอกเล่าว่าตัวป่าหินนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกด้วย  

ตัวป่าหินนี่เป็นอาณาบริเวณที่เต็มไปด้วยเสาหินปูนตั้งตระหง่านอยู่โดยทั่ว กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ขนาดเกือบ 400 ตร.กม.  มีทั้งเล็กและใหญ่ หรือหินรูปทรงต่างๆ โดยถูกค้นพบตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงของจีนเมื่อหลายร้อยปีก่อน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของยูนนานเลยทีเดียว 

ในบริเวณต้นๆเมื่อเดินเข้ามาจะยังมีร้านขายของ เช่น พวกอาหารและน้ำดื่มอยู่ประปราย

ถัดเข้ามาจะมาถึงส่วนที่เป็นทางเข้าจริงๆ ซึ่งไฮไลต์จะอยู่หลังจากตรงนี้ไป จะเต็มไปด้วยเสาหินปูนอลังการให้เราเดินลัดเลาะ (รวมถึงมุดและปีนป่ายขึ้นลงประปราย) บริเวณนี้จะมีคนท้องถิ่นแต่งชุดประจำถิ่นมา เราสามารถเช่าชุดมาเพื่อใส่ถ่ายรูปหรือจะขอถ่ายรูปกับพวกเขาก็ได้ 


เมื่อเดินเข้ามาทางจะพาเราค่อยๆไต่ขึ้นบันไดมาจนมาถึงหอชมวิวที่อยู่สูงสุด ซึ่งเราจะสามารถเห็นป่าหินละลานตาออกไปจากมุมสูงได้











อาณาบริเวณถือว่ากว้าง (มาก!) ซึ่งเราสามารถใช้เวลาค่อยๆเดินชมได้ทั้งวันเลย และแถวนี้ยังมีถ้ำที่เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สามารถแวะไปชมได้ด้วย (แนะนำว่าให้เดินด้วยกันเป็นกลุ่มเพราะหากหลงแล้วยากหน่อยที่จะหากันเจอนะ มันกว้างและวกวน แถมป้ายก็ชี้ไปชี้มา) 

หลังจากเดินเพลินอยู่ในป่าหินราว 4 ช.ม. (รวมเวลาหลงทางและเดินหากัน) ตอนเย็นเรากลับเข้าคุนหมิงแล้วก็มาร้านชาบูตามสไตล์ยูนนานตามที่มิตรสหายชาวจีนแนะนำ
ยอมรับว่าอ่านไม่ออก (=*=) แต่ละแวกนั้นก็มีร้านชาบูแบบนี้อยู่บ้าง แล้วก็ร้านขายใบชา ตามปกติของย่านกลางเมืองอ่ะเนอะ
บรรยากาศในร้านส่วน outdoor เป็นโต๊ะและที่วางหม้อชาบูใหญ่มาก โต๊ะนึงนั่งกัน 8 คนสบายๆ
บนโต๊ะจะมีเหมือนกับขวดน้ำมัน สำหรับเวลาที่เรารู้สึกว่าเผ็ดเกินไปเขาบอกให้ผสมน้ำมันนี่ลงไปในถ้วยเราเพื่อเจือจางความเผ็ด หรือไว้ผสมกับน้ำจิ้มเรา พวกน้ำจิ้มก็จะมีพริก กระเทียม มะนาว ซอสดำๆคล้ายๆน้ำมันหอย ผักชี พริกป่น (ซึ่งพวกพริกนี่ไม่จำเป็นต้องใส่ในน้ำจิ้มเราเลย)
เพราะเมื่อยกน้ำซุปมาเสริฟ ดูจากสีจะเห็นว่า มันเผ็ดมากๆแน่ๆอยู่แล้ว ลองถามคนจีนว่าเทียบกับต้มยำกุ้ง ยูว่าเป็นไง คนจีนบอกว่านี่เผ็ดกว่าต้มยำกุ้ง 6 เท่าเลยนะ ซึ่งเผ็ดมากจริง ร้อนแรงปากชาเลย ถ้าใครกินเผ็ดตลอดไม่ไหว ส่วนหม้อตรงกลางเล็กๆเป็นน้ำซุปแบบไม่เผ็ดให้ด้วยนะ ส่วนเรากินสลับๆกัน
ถ่ายรูปเมนูมาให้ดูเผื่อใครอ่านออก หรือถ้าอ่านไม่ออกก็จะมีรูปให้เราพอชี้ได้บ้าง 
นี่คือสิ่งที่อยากแนะนำมาก คือ เบียร์!!! เบียร์จีนอร่อยหลายตัวนะ ยิ่งแช่มาเย็นๆกินตัดรสเผ็ดของชาบูที่ซุปมีกลิ่นสมุนไพรนี่ อร่อยหายเหนื่อยเลย
อีกตัวคือเจ้านี่ เห็นใสๆแก้วเล็กๆแบบนี้ รสชาติดุมาก ร้อนผ่าวและดึงสติมาก อย่าเผลอซดหมดแก้วเชียว ส่วนตัวเราว่าอารมณ์ประมาณว้อดก้าจีนอ่ะ
สุดท้ายเมื่อของเริ่มมาเราก็เริ่มต้มเริ่มกินกัน ของที่คนจีนแนะนำมากก็คือพวกเครื่องใน ที่เค้าลงทุนสั่งมาให้ซะเยอะเลย เห็นบอกว่าเป็นของมีประโยชน์และถือว่าเป็นของดีที่เค้านิยมกัน นอกนั้นก็มีพวกหมู สไลด์ ไส้กรอก เนื้อวัว เนื้อแกะ ข้าว ผัก ปลาสด(มาเป็นตัวตัดหัวออก) กระเพาะวัว 
ขอจบการเล่าเรื่องราวของคุนหมิงในส่วนนี้ด้วยภาพตอนกำลังจะกินชาบูแบบยูนนาน

พบกันตอนหน้าน่าจะเป็นเรื่องหมู่บ้านชนพื้นเมือง (Nationalities Village) ;)

================================================================







ความคิดเห็น