เกาะ "Lofoten" ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืนและแสงเหนือ

-----------------------------------------------------------------------------------
การเดินทางมายังเกาะ Lofoten แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียว เลยจากชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงเหนือของนอร์เวย์ออกมา เริ่มต้นจากบินจาก Oslo มายัง Bodø ต่อด้วยการนั่งเรือเฟอร์รี่ 3 ถึง 4 ชั่วโมง แต่เราขอรับรองว่าความทุ่มเทจนมาถึงเกาะแห่งนี้ถือว่าคุ้มค่า ด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสราวกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยอดเขาชูสู่ฟ้าราวกับมองจากไอซ์แลนด์ พิพิธภัณฑ์และหมู่บ้านชาวประมงราวกับ... เอ้อ ก็ราวกับเขตสแกนดิเนเวียนนี่แหละ แม้ว่าวิวทิวทัศน์ของเกาะนี้จะสามารถเปรียบเปรยกับสถานที่อื่นๆได้มากมาย แต่ความสวยงามที่สัมผัสได้นั้นยากจะหาใครเปรียบจริงๆ ลองนึกถึงภาพหมู่บ้านชาวประมงที่ประกอบไปด้วยบ้านไม้หลากสีสรร ฟยอร์ดตระการตา และชายหาดที่กลายเป็นน้ำแข็ง ลองดูรูปภาพต่อไปนี้ประกอบ 

เกาะที่ห่างจากเมืองหลวงออกไป 800 ไมล์ และเหนืออาร์คติกเซอเคิลขึ้นไป 95 ไมล์ เกาะ Lofoten นี้จึงถูกจัดว่าสันโดษและสวยงาม ศิลปินและนักเขียนมากมายได้รับแรงบันดาลใจจากที่นี่ซึ่งปรากฏทั้งในผลงานภาพเขียนจำนวนมากของนอร์เวย์ไปจนถึงในนิยายของ Jules Verne

น้ำทะเลรอบเกาะ Lofoten นี้อาจจะใสและมีสีฟ้าสวยได้ราวกับทะเลแคริบเบียนหรือเมดิเตอร์เรเนียนเลยทีเดียว (แม้ว่าจะไม่อุ่นเหมือนกันแน่นอนก็ตาม) ลองหาโอกาสไปมองผืนน้ำกว้างที่หาด Haukland ด้วยตาตัวเองดูก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นการพายเรือคายัคหรือว่ายน้ำก็เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ในช่วงฤดูร้อนด้วย

หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวของ Lofoten คือหมู่บ้านประมงหลากสีสรรที่สามารถพบได้ทั่วไปบนเกาะ มีกระท่อมไม้สีแดงและขาวของชาวประมงตั้งเรียงรายอยู่ริมฝั่งซึ่งในจำนวนนั้นมีหลายหลังที่เปิดให้สามารถเข้าพักได้ด้วย

Henningsvær เป็นหมู่บ้านประมงที่มีความสำคัญหมู่บ้านหนึ่งของ Lofoten ที่นี่จะเต็มไปด้วยปลาค็อดตลอดแนวฟยอร์ดที่ล้อมรอบในช่วงกลางถึงปลายฤดูหนาว เรือประมงจะออกมาจับปลา และตากให้แห้งบนราว ก่อนส่งออกสู่ยุโรปและแอฟริกา นี่เป็นสินค้าที่สำคัญจนถึงขนาดมีคำกล่าวเล่นๆว่า “In Cod We Trust” เลย

และย้ำอีกที Lofoten จริงจังกับปลาค็อดมาก Fiskehjeller หรือราวตากปลาให้แห้งรูปทรงสามเหลี่ยมพีรามิดเป็นอุปกรณ์ดั้งเดิมของท้องถิ่นสำหรับใช้ตากปลาแห้ง สามารถพบเห็นได้ตลอดทั่วทั้งเกาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฏาคม ปลาค็อดนอร์เวย์นี้เป็นเสบียงสำคัญตั้งแต่ยุคสมัยไวกิ้ง และยังคงเป็นสิ่งที่มีค่าอยู่ในปัจจุบัน

ใช่แล้ว เราสามารถเล่นเซิร์ฟได้แม้ว่าอยู่บนเขตเหนือเส้นอาร์คติคเซอเคิล แม้อาจจะเป็นสภาพอากาศท่ามกลางพายุหิมะก็ตาม นักเล่นเซิร์ฟที่รู้ทำเลจะมุ่งหน้าไปที่หาด Unstad บนเกาะ Vestvågøya ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของสถานที่ตั้งแคมป์ตลอดแนวชายฝั่งด้วย (แน่นอนว่าโดยมีวิวของมหาสมุทรสแกนดิเนเวียนเป็นฉากหลัง)

หมู่บ้าน Gravdal เป็นท่าจอดเรือที่สำคัญบนเกาะ Vestvågøy และเป็นสถานที่ดูนกที่ขึ้นชื่อ ด้วยวิวของเขตอาร์คติกเซอเคิล และอาคารสีสรร ซึ่งสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง คือ โบสถ์ Buksnes เป็นศาสนสถานที่ถูกใช้งานมากว่าศตวรรษ (แม้ว่าตัวอาคารไม้สีออกแดงนี้จะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1905 ก็ตาม)

ฟยอร์ดในเขต Lofoten นี้เหมาะสำหรับการล่องเรือคายัคอย่างมาก รายล้อมด้วยภํเขาที่สะท้อนบนผืนน้ำและสัตว์ป่าจำนวนมากที่สามารถพบเห็นได้ เราสามารถซื้อทัวร์เพื่อล่องเรือชมปลาวาฬออก้า และตั้งแคมป์ค้างคืนบนชายหาด หรือหากยังไม่พอก็สามารถซื้อทัวร์ดำน้ำสน็อกเกิลเพื่อว่ายน้ำเย็นเฉียบกับสัตว์น้ำละแวกนี้ได้ (มีชุด Dry suit ให้นะ) 

เราสามารถพบเจอสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ได้บนเกาะนี้ ทั้งปลาวาฬหลังค่อม นกอินทรีย์หางขาว ไปจนถึงนกพัฟฟิน บนผืนดินของเกาะก็สามารถพบเจอทั้งกวางมูสและแกะเดินเตร็ดเตร่ริมชายหาด เพราะพวกมันชอบกินสาหร่ายที่ลอยมากับคลื่น

Henningsvær มีประชากรราว 500 คนแต่ทว่ากลับมีสนามฟุตบอลที่โดดเด่นกว่าที่อื่นๆ ใช้คำว่าสนามก็ไม่เชิงนัก เพราะนี่ใช้สำหรับการเล่นฟุตบอลแบบเอาสนุกและไม่มีเก้าอี้ผู้ชมเรียงรายเต็มอัฒจรรย์ ทว่าเป็นสนามฟุตบอลที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกมาและรายรอบด้วยโขดหิน

ปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน (เมื่อพระอาทิตย์ไม่ตกดินเลยเป็นเวลาหลายสัปดาห์ในช่วงระหว่างหน้าร้อน) เกิด ขึ้นเฉพาะใต้เขตแอนตาร์กติคเซอเคิล และเหนือเขตอาร์กติคเซอเคิล เท่านั้น นี่รวมถึงเกาะ Lofoten ด้วย ปรากฏการณ์นี้ทำให้เรามีเวลาตลอด 24 ชั่วโมงในการชมทิวทัศน์ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคม

Artscape Nordland เริ่มดำเนินการในปี 1992 เพื่อให้ชาวเมืองสามารถเข้าชมศิลปะร่วมสมัย โครงการนี้ประกอบไปด้วยรูปปั้นประติมากรรมจำนวน 33 ชิ้นและติดตั้งกระจายกันออกไปทั่วนอร์เวย์ ซึ่งในจำนวนนี้มี 5 ชิ้นบนเกาะ Lofoten หนึ่งในนั้น คือ Dan Graham's Uten Titel (Untitled) ซึ่งเป็นกระจกแบบพาโนรามาสองทิศทางที่จะสะท้อนทิวทัศน์โดยรอบเข้าสู่ผู้ชม เป็นศิลปะร่วมสมัยที่น่าทึ่งชิ้นหนึ่งที่สามารถหาชมได้โดยขับรถ 20 นาทีมาทางตะวันตกของเมือง Svolvær

ในขณะที่ฤดูร้อนนำพาปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน (รวมถึงผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนด้วย) ฤดูหนาวเองก็มีปรากฏการณ์จากบนฟ้าที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่พร้อมจะยืนหยัดกับอากาศหนาว นั่นคือปรากฏการณ์แสงเหนือที่ขึ้นชื่อของนอร์เวย์ โดยมีช่วงเดือนที่เหมาะสมจะเห็นได้อยู่ระหว่างเดือนกันยายนจนถึงเดือนมีนาคม

บทความที่เกี่ยวข้อง : 19 รูปภาพที่จะทำให้เราอยากไปเที่ยว"นอร์เวย์"
-----------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็น