แนะนำ 20 เมืองสวยน่าเที่ยวของยุโรป
ขึ้นชื่อว่ายุโรป แน่นอนว่าเรื่องความสวยงามของธรรมชาติมีให้ดูชมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่ไหน แต่อีกอย่างที่ต้องยอมรับว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เราหรือใครหลายๆคนกลับไปเยือนยุโรปอยู่บ่อยครั้งก็คือกลิ่นอายและบรรยากาศของเมืองแต่ละแห่งที่เป็นเอกลักษณ์ เมืองเหล่านี้มีประชากรขั้นต่ำอย่างน้อยหนึ่งแสนคน รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรม อาหาร สถาปัตยกรรม ถนนปูด้วยหินเก่าแก่ ไปจนถึงวิวของภูเขารายล้อมที่ทำให้เราวางแผนการเดินทางมาเยือนได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
Prague, Czech Republic
Porto, Portugal
ก่อนที่ใครจะโวยวายว่าทำไมไม่มี Lisbon อยู่ในลิสต์นี้ ลองอ่านย่อหน้านี้ก่อน เพราะเมือง Porto แห่งนี้นอกจากเป็นที่ซ่องสุมของเหล่าผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์อย่างเงียบๆมาหลายปีนั้น ในช่วงหลังๆผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลไปยัง Porto เพิ่มขึ้นเนื่องจากสถาปัตยกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว (โดยใช้กระเบื้องจำนวนมาก) และศิลปะที่แสดงในที่สาธารณะ สถานที่แนะนำแห่งนึง คือ ร้านหนังสือ Lello ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องราว Harry Potter แก่ J.K. Rowling และสระน้ำ Leça ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับว่ายน้ำบนชายหาดที่มีชื่อเสียงของที่นี่
Bern, Switzerland
Bern เป็นมากกว่าเมืองหลวงของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพราะที่นี่ยังเป็นจุดที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของประเทศอีกด้วย ตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณรอบแม่น้ำ Aare ที่ไหลผ่าน และมีทัศนียภาพที่สวยงามจากทุกมุม แนะนำให้เดินท่องเที่ยวตามทางเดินผ่านย่านเมืองเก่าที่เป็นมรดกโลกของยูเนสโก และอย่าพลาดโบสถ์ Bern Münster และหอนาฬิกาจากสมัยศตวรรษที่ 13 ที่เรียกว่า Zytglogge
Athens, Greece
มาเยี่ยมชมซากโบราณสถานที่เป็นที่รู้จักของเอเธนส์เสมือนหนึ่งว่าได้ย้อนเวลากลับไปยังยุคกรีกโบราณ ชมงานหินที่สร้างขึ้นตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาล วิหารซึ่งตั้งอยู่ได้ด้วยเสาค้ำอายุหลายศตวรรษ และรูปสลักเหล่าเทพเจ้าที่พบเห็นได้มากมาย รับชมประวัติศาสตร์ที่ Acropolis ที่เราจะได้เห็นทั้งวิหาร Parthenon ใกล้ๆและวิวมุมกว้างของเมืองจากยอดเนิน หรือหากอยากชมวิวเมืองจากมุมสูงแต่ไม่อยากเดินขึ้นก็แนะนำไปที่ยอดเขา Lykavittos ซึ่งมีกระเช้าพาขึ้น
Florence, Italy
แม้อิตาลีเองจะเต็มไปด้วยเมืองสวยงามมากมายแต่ฟลอเรนซ์นั้นยังคงเป็นเมืองที่หาใครเปรียบไม่ได้ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ (ที่นี่เป็นสถานที่เกิดการเคลื่อนไหวในศตวรรษที่ 14) ศิลปะ และสิ่งก่อสร้าง เราจะพบร่องรอยของยุคฟื้นฟูศิลปะ (Renaissance) อันสวยงามได้ทั่วเมือง แนะนำให้ไปเยี่ยมชม Duomo ของเมืองนี้ คือ Santa Maria del Fiore และ Basilica of Santa Maria Novella เดินเลยไปอีกหน่อยไปยัง Ponte Vecchio และพิพิธภัณฑ์ Uffizi ก็เป็นจุดที่พลาดไม่ได้
Bruges, Belgium
เมืองที่เงียบสงบ ฝั่งคลองที่เรียงรายด้วยต้นไม้ และถนนปูด้วยหิน ทำให้เมือง Bruges คล้ายกับเมืองในเทพนิยาย เสน่ห์ของเมืองนี้มาจากการที่เมืองสามารถรักษาส่วนเมืองเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 ถึง 15 ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ลองแวะหาที่นั่งที่ร้านคาเฟ่แถวจตุรัสกลางเมืองเพื่อนั่งชิลๆ หรือวางแผนสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของวันได้อย่างเพลิดเพลิน
Budapest, Hungary
เมืองแห่งสถาปัตยกรรมนวศิลป์ (Art Nouveau) แห่งยุโรป และยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องโรงอาบน้ำ (หากมีเวลาสามารถลองแช่ได้) และจุดเด่นที่เรามักจะพบเห็นแทบจะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองก็คืออาคารรัฐสภาฮังการี่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบ และสะพาน Széchenyi Chain Bridge อันโด่งดัง
Edinburgh, Scotland
เมืองที่เต็มไปด้วยเนินเขียวขจีและประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล Edinburgh นั้นสวยงามในทุกฤดูกาล ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคของตัวเมือง ถนนปูหินสวยเรียงราย Royal Mile และปราสาทจากศตวรรษที่ 12 บนยอดเนิน และยังมีภูเขาไฟที่ดับแล้ว เคยเห็นเมืองไหนเป็นแบบนี้ไหมล่ะ
Innsbruck, Austria
รายล้อมไปด้วยเนินสำหรับเล่นสกีในฤดูหนาวและเส้นทางเดินเขาในฤดูร้อน Innsbruck จึงเป็นเมืองแห่งการผจญภัยของเหล่านักท่องเที่ยว และเมืองนี้ยังเป็นมากกว่าแค่แหล่งพักผ่อนจากกิจกรรมดังกล่าว เพราะในเมืองยังมีทั้งพิพิธภัณฑ์ เมืองเก่าจากสมัยยุคกลาง และสวนสัตว์ Alpenzoo ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่อยู่สูงที่สุดของยุโรป
Bergen, Norway
เรียกได้ว่ายังมาไม่ถึงนอร์เวย์ถ้าไม่ได้มา Bergen เมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของนอร์เวย์ เมือง Bergen แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงเอกลักษณ์ของหมู่บ้านแบบนอร์ดิกอย่างชัดเจนมาก บริเวณอ่าวสวยงาม บ้านเรือนทำจากไม้หลากสีสันและวิวของฟยอร์ดกับภูเขาที่รายล้อมเป็นฉากหลัง
Paris, France
ปารีสคือเมืองที่ความโรแมนติกและประวัติศาสตร์ผสมผสานกันอย่างลงตัว ร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บนถนนหิน ผู้คนที่เดินไปมาตลอดเลียบชายฝั่งแม่น้ำแซน (Seine) และบริเวณโดยรอบที่เต็มไปด้วย Landmark สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งวิหาร Notre-Dame วิหาร Sacré Coeur และหอไอเฟลสัญลักษณ์ของเมือง หรือพิพิธภัณฑ์ลูฟอันโด่งดังที่ต้องใช้เวลาหลายวันหากต้องการจะเดินชมอย่างครบถ้วน
Istanbul, Turkey
Istanbul นั้นเต็มไปด้วยแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งตลาด Grand Bazaar ที่มีชีวิตชีวา ย่าน Karaköy ที่ความเก่าผสมผสานกับความใหม่ได้อย่างลงตัว แต่ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองคือสถาปัตยกรรมอันสวยงามของมัสยิดสีฟ้าและ Hagia Sophia ที่ผสมผสานทั้งอิทธิพลของจักรวรรดิ์ไบเซนไทน์และอ็อตโตมัน โดมกลมโค้งขนาดใหญ่ กระเบื้องสีโมเสค หอสวดมนต์แบบอิสลาม และการเขียนตัวอักษรสไตล์อิสลาม
Copenhagen, Denmark
นอกจากจะมีชื่อเสียงในด้านการผสมผสานร้านอาหารและโรงแรมที่ทันสมัย Copenhagen ก็เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวเสมอมา สวนสนุก Tivoli Gardens ที่มีกลิ่นอายจากในยุค 1800 อาจทำให้เราลืมสวนสนุกอื่นที่เคยไปเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีที่ชุมชนโบฮีเมียนของ Christiania เป็นดินแดนแห่งความฝันที่เขียวชอุ่ม และสุดท้ายนี้ บ้านริมน้ำของ Nyhavn นั้นน่ารักจริงๆ
York, England
จากวิวแม่น้ำ Ouse จนถึงตรอกแคบและทางเดินจากยุคกลาง York จึงเป็นเมืองของอังกฤษที่ตรงกับภาพที่คุณวาดไว้ในหัว แนะนำให้แวะไปชม Chapter House of York Minster (มหาวิหาร York Minster และ Chapter House) ที่เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษและมีกระจกเขียนสีบานใหญ่ทำหน้าที่เป็นหน้าต่างที่เรียงรายรอบห้องแปดเหลี่ยมโดยไม่มีเสาแม้แต่ต้นเดียวในห้องนั้น
Vienna, Austria
เมืองที่อุดมด้วยศิลปะที่งดงามและโดดเด่นนี้เป็นอีกเมืองที่มักได้รับการโหวตว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุดในยุโรป นอกจากการแวะชมโอเปร่าและชิมเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม Sachertorte ที่พลาดไม่ได้แล้ว อย่าลืมแวะไปพระราชวัง Schönbrunn ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์บาโร้ค เป็นอดีตที่ประทับหน้าร้อนของราชวงศ์ Habsburgs และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเวียนนา นอกจากตัวพระราชวังแล้วสวนที่สวยงามของพระราชวังก็เป็นอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด
Ljubljana, Slovenia
เมืองหลวงของ Slovenia นี้นั้นทั้งโรแมนติก มีเสน่ห์ และสะอาด การันตีด้วยการได้รับรางวัล “Green Capital of Europe 2016” เดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่มีเฉพาะทางเท้าเท่านั้น แวะจิบกาแฟริมฝั่งแม่น้ำ Ljubljanica แล้วแวะชมปราสาท Ljubljana สไตล์บาโร้คจากศตวรรษที่ 16 บนยอดเนิน
Seville, Spain
จากย่านเมืองเก่า (ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในยุโรป) ไปจนถึงทาปาสรสเลิศที่มีชื่อเสียงระดับโลก Seville ผสมผสานความทันสมัยและประวัติศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างง่ายดาย อีกทั้งการเป็นฉากถ่ายทำในซีรี่ส์ชื่อดังอย่าง Game of Thrones ก็ทำให้เมืองหลวงของอันดาลูเซียแห่งนี้ โดยเฉพาะ Alcázar of Seville กลายเป็นจุดสำคัญให้นักท่องเที่ยวและแฟนซีรี่ส์แวะเวียนมาไม่ขาดสาย
Tallinn, Estonia
Tallinn นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายราวกับหนังสือนิทาน เนื่องจากอาคารหลากสี ปราสาทป้อมปราการ และสถานที่ตั้งที่สวยงามของทะเลบอลติก เมืองแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่รักษาประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เมืองนี้มีศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปโดยมีโบสถ์ในยุคกลางและบ้านเรือนของพ่อค้าหลายแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและได้รับความคุ้มครองจาก UNESCO ทิวทัศน์ใจกลางเมืองจากปราสาท Toompea นั้นdHสวยงามไม่ว่าจะเป็นฤดูใดก็ตาม
St. Petersburg, Russia
St. Petersburg นั้นเป็นเมืองที่ไม่อาจลบเลือน เนื่องจากได้อยู่ในผลงานจากปลายปากกาของ Dostoyevsky และ Tolstoy แต่เมืองนี้มีอะไรน่าค้นหาอีกเยอะนอกเหนือจากที่ได้สัมผัสจากหนังสือ ลองแวะไป Palace Square เพื่อชมพระราชวังฤดูหนาว ซึ่งเป็นอาคารที่แสดงถึงสถาปัตยกรรมแบบบาโร้คของรัสเซียได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ลองแวะไปชมโบสถ์แห่งหยดเลือด (Church of the Saviour on the Spilled Blood) ที่สร้างให้เป็นเกียรติแด่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ประกาศเลิกทาส แต่กลับส่งผลให้ชาวนากลับมีความเป็นอยู่ที่ยากจนลง ทำให้ชาวนารวมตัวกันวางแผนปลงพระชนม์ โดยส่งหญิงชาวนาติดระเบิดพลีชีพวิ่งเข้ามาขณะที่พระองค์เสด็จผ่าน ต่อมาบริเวณถนนที่เกิดเหตุนั้นถูกสร้างโบสถ์ครอบไว้จึงได้ชื่อว่า โบสถ์แห่งหยดเลือด นอกจากนั้นโฐสถ์สไตล์ออโธด็อกซ์อีกหลายแห่งของเมืองก็สวยโดดเด่นน่าแวะชมไม่แพ้กัน
Nuremberg, Germany
เยอรมันขึ้นชื่อว่ามีเมืองที่มีมนเสน่ห์อยู่หลายแห่ง กระนั้น Nuremberg ก็เป็นเมืองที่โดดเด่นในหมู่เมืองทั้งหลายของเยอรมันเพราะความที่เมืองได้ผสมผสานความเก่าและความใหม่ได้อย่างลงตัว เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของจักรวรรดิ์โรมันอันศักสิทธิ์และกลายมาเป็นเมืองแห่งวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม สถานที่แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวคือตลาดคริสมาสต์อันเป็นต้นตำรับของโลก (Christkindlesmarkt) นอกจากนี้เมืองนี้ยังมีทั้งปราสาทและพิพิธภัณฑ์ให้เที่ยวชมด้วย
จะเห็นได้ว่าเสน่ห์ของเมืองในยุโรปมักจะอยู่ที่สถาปัตยกรรมและศิลปะ นอกจากนั้นคือการผสมผสานระหว่างความเก่าของเมืองและการพัฒนาอย่างลงตัวไม่สูญเสียเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ ทำให้นักท่องเที่ยวอยากที่จะไปเยี่ยมชมและดื่มด่ำกับบรรยากาศนั่นเอง
คราวหน้าหากใครมีแพลนทริปยุโรปก็อย่าลืมลองแวะเที่ยวชมเมืองที่แนะนำดูนะครับ ^^"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น