ดูแสงเหนือได้ที่ไหนบ้าง?

การได้มาเห็นแสงออโรรา (หรือแสงเหนือ aurora borealis—aka Northern Lights) น่าจะเป็นหนึ่งใน bucket list ของนักท่องเที่ยวหลายๆคน แต่การจะได้พบกับปรากฏการณ์ที่ท้องฟ้าเกิดพริ้วแสงสีเขียวม่วงในยามค่ำคืนนั้นต้องการเวลาที่เหมาะสม (มักเป็นช่วง ธันวาคม ถึง มีนาคม -แต่ผู้แปลเองก็เคยไปช่วงตุลาคมแล้วได้เห็นติดต่อกันหลายคืนก็มี) สถานที่ที่เหมาะสม (ตั้งแต่แลตติจูดที่ 65 ถึง 72 หรือเหนือเส้นอาร์คติก เซอเคิล) และโชคอีกพอประมาณ (ฟ้าโปร่ง มืด และไร้เมฆ)  บทความนี้จะแนะนำจุดที่เหมาะสมของประเทศต่างๆที่เป็นที่นิยมในการดูแสงเหนือ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาอย่างมากอย่างนึงเลย

Fairbanks, Alaska


Alaska เป็นจุดที่เหมาะสมเนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Aurora oval พอดี ไม่ค่อยมีฝน มีสถานที่สำหรับดูท้องฟ้ามากมาย ฟ้าโปร่งในฤดูหนาว และมีภูมิทัศน์สวยงาม ออกมาจากนอกเมือง Fairbanks มาไม่ไกลก็มีจุดชมแสงเหนือและทัวร์จากที่พักอย่าง Aurora Borealis Lodge หรือจะมุ่งหน้าไปยังน้ำพุร้อนของ Fairbanks ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกประมาณหนึ่งชั่วโมงอย่าง Chena Hot Spring Resort หรือสี่ชั่วโมงทางตะวันตกไปยัง Manley Hot Springs ซึ่งทั้ง 2 แห่งมีแพ็คเกจดูแสงเหนือด้วย 

Bláskógabyggð, Iceland


ปกติรูปภาพแทบทุกรูปที่ถ่ายจากไอซ์แลนด์นั้นมักทำให้เราร้อง "ว้าว" กับวิวที่สวยงาม แต่ภาพเหล่านั้นจะดูมหัศจรรย์ขึ้นมากเมื่อประกอบไปด้วยท้องฟ้าที่เรืองแสงสีเขียวท่ามกลางค่ำคืนของฤดูหนาว หลายๆจุดตลอดเส้นทาง Ring road ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของประเทศนี้สามารถกลายเป็นจุดชมแสงเหนือได้ทั้งนั้น แต่ที่อุทยานแห่งชาติ Thingvellir ที่ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะนั้นถือเป็นจุดที่ดีที่สุดจุดหนึ่ง เพราะนอกจากจะห่างจากเมืองหลวง Rekjavik มาเพียงแค่ 40 กิโลเมตรแล้ว ยังเป็นจุดที่ขับรถเข้ามาได้โดยง่ายเมื่อเทียบกับจุดอื่นๆ เตรียมกล้องที่ปรับค่า shutter speed ต่ำๆของคุณไว้ให้พร้อมได้เลย

Abisko, Sweden


ที่นี่มีความใกล้เคียงกับในแอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Frozen ซึ่งเป็นเทพนิยายกลิ่นอายแถบสแกนดิเนเวีย ลองไปพักในโรงแรมน้ำแข็งแบบต้นฉบับที่ Icehotel 365 ก่อนมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่อุทยานแห่งชาติ Abisko ซึ่งเป็นจุดชมแสงเหนือยอดนิยมของสวีเดน ด้วยการมีภูเขาตั้งขนาบข้าง ทำให้บริเวณนี้ได้รับการปกป้องทำให้แทบไม่มีเมฆ ฝน หิมะมารบกวนทัศนวิสัยเลย 

Churchill, Canada


Churchill เป็นที่ๆเราสามารถมาได้ในทุกฤดู เราสามารถพบวาฬเบลูก้าได้ในฤดูร้อน พบหมีขั้วโลกได้ในฤดูใบไม้ร่วง และจับจองจุดชมแสงเหนือได้ในฤดูหนาว หากมาในช่วงเดือนธันวาคม รถ Buggies ที่ใช้พานักท่องเที่ยวชมหมีขั้วโลกในฤดูใบไม้ร่วงคันนั้นจะเป็นพาหนะเคลื่อนที่สำหรับตามล่าแสงเหนือ เพราะรถมีส่วนเปิดที่สามารถแหงนมองท้องฟ้าได้ ฃ

Kangerlussuaq, Greenland


แม้ว่าจะไม่มีจุดไหนในกรีนแลนด์ที่ไม่เหมาะกับการเฝ้าดูแสงเหนือ แต่ด้วยสัดส่วนของจำนวนประชากรต่อพื้นที่ที่กว้างขวางนั้น การไปให้ถึงสถานที่ต่างๆ ที่ห่างไกลกลับเป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า แต่ที่ Kangerlussuaq ซึ่งอยู่ค่อนไปทางตะวันตกหน่อยนั้นมีค่ำคืนที่ฟ้าปลอดโปร่งถึง 300 คืนต่อปีซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการมองเห็นแสงเหนือของเรา และเมืองนี้แม้มีประชากรเพียง 540 คนแต่มีสนามบินนานาชาติ ทำให้การมาเยือนนั้นง่ายขึ้นเยอะ

Tromsø, Norway


มหานครที่ใหญ่ที่สุดเหนือเส้นอาร์กติดเซอเคิลนี้ถูกเรียกว่าเป็น "ปารีสแห่งแดนเหนือ" ทำให้แน่ใจได้เลยว่าอย่างน้อย Tromso นี้ก็เป็นมหานครแห่งแสง(เหนือ)อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยค่ำคืนที่มืดสนิทและมีมลพิษทางแสงน้อยมาก Tromso จึงมีสถานที่ชมแสงเหนือมากมายที่มองเห็นได้แม้คุณจะอยู่ในที่พักเลย และยังมีบางช่วงที่ไม่มีพระอาทิตย์ขึ้นเลยติดต่อกันหลายวัน ดังนั้นหากจะมาพักยาวก็พกวิตามิน D ติดมาด้วยก็ดีนะ 

Kilpisjärvi, Finland


ท่องเที่ยวแบบไม่เหมือนใครด้วยเลื่อนหิมะไปชมแสงเหนือ โดมใสเคลื่อนที่ได้ผูกติดกับ Snow Mobile นี้จะพาเราท่องผ่านพื้นที่รกร้างห่างไกลของฟินแลนด์ ตามหาปรากฏการณ์ฤดูหนาวที่เกิดจากนอกโลกกลายเป็นแสงเหนือบนฟากฟ้า และยังทำหน้าที่เป็นห้องพักโรงแรมในตัวด้วย เราสามารถขับ Snow Mobile ข้ามผ่านทุ่งหิมะและนอกหลับมองท้องฟ้าพร่างพราวดาวภายในโดมใสส่วนตัวตลอดการเดินทางช่วงสั้นๆเป็นส่วนหนึ่งของทริป 4 วัน 3 คืนในโปรแกรมแลปแลนด์ออโรรา (Lapland Aurora) ซึ่งจัดโดยเอเจนซี่ Off the Map Travel ซึ่งมีความเชี่ยวชาญพิเศษในการพาชมแสงเหนือ   

Yellowknife, Canada


อยากไปดูแสงเหนือนะ แต่ไม่อยากตากลมหนาวอ่ะ? ที่นี่คือคำตอบเลย เพราะมีฤดูที่สองสำหรับสังเกตหาแสงเหนือในช่วงปลายฤดูร้อนจนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วงเลยนอกเหนือไปจากช่วงฤดูหาชมแสงเหนือปกติในฤดูหนาว เลือกแพ็คเกจที่ชอบแล้วไปยัง Blachford Lake Lodge ณ ทะเลสาบ Blachford ที่ห่างไกล ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเหนือจากห้องกระจกของที่พักได้ หรือจะแช่น้ำร้อน หรือแม้แต่ในห้องทานอาหารก็ได้ 

Ylläs, Finland


นอกจากจะเป็นสกีรีสอร์ทแล้ว ที่ Ylläs ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณแลปแลนด์ของฟินแลนด์แห่งนี้ รับประกันถึงโอกาสพบเจอแสงเหนือ ถึงขนาดยินดีคืนเงินให้ครึ่งนึง หากแขกมาเข้าพักที่ Ylläksen Yöpuu เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในช่วงเดือนมกราคมแล้วไม่พอแสงเหนือเลยสักคืน (เงื่อนไขนี้สำหรับผู้ทำการจองผ่านอีเมล์) และยังมีแอพฯ “Ylläs Aurora” ซึ่งทำขึ้นเพื่อแจ้งเตือนหากมีแสงเหนือปรากฏให้ชมเพื่อไม่ให้คุณพลาดโอกาสระหว่างการเข้าพักอยู่ที่นี่อีกด้วย

Barrow, Alaska


ที่ละติจูด 71 องศาเหนือ เมืองที่อยู่เหนือสุดของสหรัฐฯแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่กว้างไกล น่าสนใจ และคุ้มค่าที่จะมาเยือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีจุดประสงค์คือชมแสงเหนือ เพียงแค่จับเที่ยวบินมาอลาสก้า และเช็คอินเข้าพักโรงแรม Top of the World แล้วดื่มด่ำกับวัฒนธรรมชาวเอสกิโม (Iñupiat) ในแต่ละวัน และพยายามตื่นให้ได้ถึงตีสาม ซึ่งเป็นเวลาที่สามารถมองเห็นแสงเหนือได้ง่ายที่สุดโดยผ่านหน้าต่างห้องพักของคุณเอง วิวข้างนอกนั้นสวยกว่ามากหากออกมาไหว แนะนำให้พกเสื้อหนาวติดตัวมาหลายๆชั้น เพราะอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ประมาณ -22 องศาเซลเซียสในช่วงเดือนมกราคม


แปลและเรียบเรียงจาก : contravener.com
เขียนโดย : PAUL RUBIO,  Dec 15 2017

ความคิดเห็น