(รีวิว) การเดินทางด้วย Night Bus จากโอซาก้ามาโตเกียว
ล่าสุดเราได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมา เป็นทริปที่ไปแจมกับเพื่อนสนิทสมัย ม.ต้น แต่ด้วยการทำงานที่ทำให้ไม่ค่อยได้พบปะกันแบบเมื่อก่อน ทริปนี้โดยส่วนใหญ่จึงเป็นเพื่อนเรา (กับแฟนเพื่อน) ที่เป็นคนจัดแจงเรื่องต่างๆ ทั้งที่พักและโปรแกรมทริปส่วนมาก (ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย) ด้วยความที่ส่วนใหญ่เราเคยไปแล้วจึงไม่ได้ซีเรียสอะไร คิดซะว่าไปเดินเล่นหาอะไรกิน
แต่แล้ว...
"มึงๆ จากโอซาก้ามาโตเกียว นั่งรถนอนมาละกันนะ"
"ห๊ะ... "
"เออ กูไม่อยากหยุดเยอะ ประหยัดค่าโรงแรมกับค่าเดินทางในทีเดียวเลย"
"เออ ได้ ลองดู ไม่เคยเหมือนกัน"
การนั่ง Night Bus ของทริปจึงเริ่มต้นด้วยประการฉะนี้...
การจอง
สามารถจองผ่านเว็บไซต์ vipliner ได้เลย (ในเว็บมีเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วยนะเออ แสดงว่าคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นเยอะจริงๆ แต่หน้าเว็บภาษาไทยจะใช้สำหรับแค่อธิบายวิธีการจองเท่านั้น เวลาจะกดจองจริงๆต้องทำผ่านหน้าเว็บที่เป็นภาษาอังกฤษเอา แต่ก็ไม่ยาก) สำหรับขั้นตอนการจองคร่าวๆ ก็คือ
1. เลือกเส้นทาง
จะมีเส้นทางให้เลือก 6 เส้นทาง ได้แก่ Tokyo → Osaka, Osaka → Tokyo, Tokyo → Nagoya, Nagoya → Tokyo, Tokyo → Kanazawa และ Kanazawa → Tokyo ซึ่งในคราวนี้เราเลือกจาก Osaka → Tokyo
2. เลือกวันเดินทาง
3. ระบุจำนวนคน
4. เลือกรถโดยสาร (แบบแถวละ 3 ที่นั่งหรือ 4 ที่นั่ง เป็นต้น)
จากนั้นเมื่อเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมาถึงหน้า Result ของการค้นหารถที่เราจะใช้เดินทางได้ในเงื่อนไขที่เราระบุ ซึ่งเส้นทางที่เราเลือกก็คือเส้นทางนี้
เป็นรถบัสนอน ขึ้นจาก VIP villa Namba ที่โอซาก้า แล้วไปแวะจอดรับคนขึ้นระหว่างทางอีก 2 จุด คือ ที่ Osaka VIP Lounge และที่ Kyoto VIP Lounge และไปส่งลง 4 จุดที่ Akihabara Tokyo (ใกล้กับสถานีรถไฟ) Oji และที่ Shiki
ราคา
เมื่อทำการจองเสร็จแล้ว หน้าเว็บจะแสดงรายละเอียดเที่ยวรถทั้งหมดที่ตรงกับจุดหมายและจุดเริ่มต้นที่เราเลือก พร้อมทั้งราคา ซึ่งเราเลือกขึ้นรถบัสไหนก็จ่ายตามเรตราคานั้นๆ
อย่างกรณีนี้ เราเลือกเส้นทางตามรูปแรก Osaka → Tokyo (Namba -> Shiki) ราคาประมาณ 8,000 เยน (หรือราว 2,380 บาท)
อย่างกรณีนี้ เราเลือกเส้นทางตามรูปแรก Osaka → Tokyo (Namba -> Shiki) ราคาประมาณ 8,000 เยน (หรือราว 2,380 บาท)
จากนั้นเมื่อกดปุ่ม (ปุ่ม Kansai ในรูป) ระบบก็จะพาไปหน้าระบุรายละเอียดอีกครั้ง ให้เราระบุ วันเดินทาง จำนวนผู้โดยสาร สถานที่ขึ้นรถ และตำแหน่งที่นั่ง อีกครั้ง
ระบุวันเดินทาง |
ระบุจำนวนผู้โดยสารและสถานที่ขึ้น-ลงรถ |
ระบุตำแหน่งที่นั่งที่ต้องการ |
จากนั้นก็จะเป็นหน้าการกรอกข้อมูลรายละเอียดของผู้โดยสาร ทำตามขั้นตอนไปก็เป็นอันเสร็จสิ้นได้ไม่ยาก
ความสะดวก
สำหรับสภาพบนรถ ถือว่ามีความสะดวกสบายตามสมควร ดังจะเห็นในรูปว่า เป็นรถบัสแบบที่นั่ง 3 แถว มีห้องน้ำ เบาะปรับเอนนอนได้ มีหมอนผ้าห่มให้ มีผ้าม่านคลุมสำหรับความเป็นส่วนตัวของที่นั่งแถวริมหน้าต่าง (ส่วนแถวกลางจะเป็นม่านแบบดึงมาคลุมหัวได้) มีWifi และมีรูเสียบปลั๊กสำหรับชาร์จอุปกรณ์ให้ทุกๆที่นั่ง
ทุกที่นั่งจะมีรูปลั๊กสำหรับชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ต่างๆคนละช่องข้างที่นั่ง |
สภาพภายในรถมีเบาะที่นั่ง 3 แถว |
สำหรับเราที่ไปขึ้นรถที่ VIP villa Namba นั้น เราไปก่อนล่วงหน้าเพื่อเช็คอินและเตรียมอาบน้ำ โดยสรุปคือ รถเราออก 20.55 แต่เราไปถึงกันตั้งแต่ 6 โมงกว่าๆ คุณลุงคุณป้าที่เป็นคนเช็คอินเองก็บอกว่าควรมาเพื่อเช็คอินล่วงหน้าอย่างน้อย 45 นาที เพราะรถบัสออกตรงเวลาเป๊ะๆ (ตามมาตรฐานชาวญี่ปุ่น) ซึ่งเมื่อใกล้ถึงเวลาราว 20.50 พนักงานขับรถก็นำรถมาเทียบแล้วเริ่มขนกระเป๋ากับเชิญเราขึ้นรถ ซึ่งการโหลดกระเป๋าลงใต้ท้องรถนี้ก็จะมีการติด tag กระเป๋าแล้วแจกเป็นหมายเลขให้เราสำหรับห้อยข้อมือไว้เพื่อรับกระเป๋าตอนลงรถตอนเช้าอีกทีด้วย
ส่วนตอนนอนก็สามารถรูดม่านหรือคลุมปิดแสงไฟได้ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวก่อนที่ไฟในรถจะปิด (ไฟในรถจะเปิดจนกระทั่งแวะรับผู้โดยสารขึ้นครบทุกจุด) มีผ้าห่มให้ แอร์ไม่หนาว เบาะนุ่มหมอนดีสบายคอ เอนได้จนเกือบราบ สามารถหลับได้ไม่ลำบาก
Tag สำหรับรับกระเป๋า |
สภาพเบาะที่นั่งที่มีหมอนและผ้าห่มวางพร้อมม่านปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวสำหรับเบาะแถวริม |
ถ้าเป็นเบาะแถวกลางจะเป็นม่านคลุมหัวแบบนี้แทน |
รถ VIP Liner ที่เรานั่งมาเมื่อคืน เพิ่งเห็นตอนเช้าว่ามีลายการ์ตูนด้วย |
Tokyo VIP Lounge ที่เรามาแวะพักตอนเช้าหลังลงรถ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งชาเขียว กาแฟ ที่นั่ง เตียงสองชั้นและหนังสือการ์ตูน |
เป็นรถบัสรถนอนแบบดีที่สุดเท่าที่รถนอนจะเป็นได้ (ตามมาตรฐานญี่ปุ่น) ตรงเวลา สะอาด ปลอดภัย (ลุงคนขับดูเคร่งครัดมาก ไม่มีขับเร็วหรือขับกระชากเลย) มี Facilities บริการครบครัน (แม้บางอย่างเช่นห้องอาบน้ำต้องเสียเงินเพิ่ม) แต่มันก็คือรถบัสนอนนั่นแหละ ไม่ได้ให้ความรู้สึกว้าวมาก (ก็รถนอนอ่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนรถทัวร์ที่เป็นรถนอนของบ้านเราแหละ แต่รู้สึกมีมาตรฐานกว่า สะอาดกว่า อุ่นใจกว่าแค่นั้น) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดเวลาและประหยัดค่าเดินทางไปพร้อมๆกัน (ใช้เวลาเดินทางนาน แต่หลับมาเลยได้ไม่เสียเวลา และถูกกว่านั่งชินกันเซนอยู่มากโข) แต่ถ้ามีเวลา และไม่ขี้เหนียวมาก ก็แนะนำให้เดินทางปกตินั่นแหละ ยอมเสียเงินอีกหน่อยแต่สบายกว่า (เทียบกันนอนที่โรงแรมยังไงก็สบายกว่า) แต่มาลองดูสักครั้งนึงก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกไปอีกแบบเหมือนกัน :)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น