“ฟลอเรนซ์” เมืองเดียวมีอะไรให้เที่ยวเยอะแยะ

15 สถานที่แนะนำสำหรับเที่ยวในฟลอเรนซ์?...

เราเคยไปเยือน ‘ฟลอเรนซ์’ ครั้งนึงเมื่อหลายปีก่อน ใช้เวลากับเมืองนี้ในสัดส่วนที่เยอะอยู่ เดินวนไปวนมาซะจนปรุโปร่ง แต่กระนั้นก็ยังคงรู้สึกว่ายังแทบไม่ได้ขุดลึกลงไปในเมืองนี้เสียเท่าไรเลยทั้ง พิพิธภัณฑ์ Uffizi กับ The Accademia ร้านรวงและคาเฟ่ตามรายทางจำนวนมาก ในเมืองที่ราวกับกาลเวลาถูกแช่แข็งไว้ จึงไม่น่าแปลกที่เมืองนี้จะถูกจัดอันดับเป็นเมืองที่ดีที่สุดของยุโรปในปี 2015 ทั้งความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม หากคุณมีเวลาจำกัดสำหรับเมืองนี้ เราขอแนะนำ 15 สถานที่ที่ควรมาเยือนซึ่งจะทำให้คุณได้ ‘สัมผัส’ เมืองอันสวยงามแห่งนี้อย่างแท้จริง

1. แวะชมวิหารประจำเมือง (Duomo) และ หอระฆัง (Bell Tower)

ด้วยขั้นบันไดจำนวน 476 ขั้นของอาคารที่มีสถาปัตยกรรมการออกแบบที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลกนี้ เมื่อเข้ามาถึงจะพบกับภาพเขียนสีบนปูนเปียก (Frescos) ของศิลปิน Giorgio Vasari (คนเดียวกับที่ปรากฏในนิยาย Inferno ของ Dan Brown) ประดับอยู่ภายในโดม และจากด้านบนนี้จะสามารถมองเห็นได้ทั้งอาณาบริเวณของเมือง ทว่าเราขอแนะนำให้ลองขึ้นไปบนหอระฆังของเมืองนี้ที่ตั้งอยู่ติดกันข้างมหาวิหาร ซึ่งจะสามารถเห็นวิหารแห่งนี้ได้จากมุมที่สวยที่สุดอีกด้วย ราคาค่าขึ้นบนวิหารราว 8€ และค่าขึ้นหอระฆังราว 6€ หรือหากต้องการเลือกตั๋วแบบ skip-the-line จะอยู่ที่ราคา 15€ แลกกับความสะดวกที่ไม่ต้องมาต่อแถวรอซื้อตั๋วก็ย่อมได้

2. ตามล่าหา Street Art

เมืองหลวงแห่งยุคเรเนอซองค์นี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักว่าเต็มไปด้วยศิลปะร่วมสมัยจำนวนมาก มีศิลปินแนวสตรีทที่เป็นที่รู้จัก เช่น Clet Abraham ซึ่งผสมผสานนำตัวการ์ตูนเข้าไปอยู่ในป้ายตามท้องถนน ลองมองหาผลงานที่ชื่อ L'Arte Sa Nuotare (Art knows how to swim) หรือผลงานอื่นๆที่นำเอาพอร์เทรตที่เป็นที่รู้จักอย่าง โมนาลิซ่าและดันเต้มาใส่อุปกรณ์สกูบา เป็นต้น

3. ปั่นจักรยานเที่ยวชมเมือง

วิธีนึงในการท่องเที่ยวไปในฟลอเรนซ์ คือ การใช้จักรยานแล่นไปบนเส้นทางเฉพาะสำหรับจักรยานที่จัดไว้ให้ ซึ่งจะพาเราผ่านบริเวณย่านที่น่าสนใจหลายแห่ง เราอาจเริ่มต้นจากจุดเช่าจักรยานที่ด้านหน้าสถานีรถไฟ Santa Maria Novella ในราคา 10€ ต่อวัน มุ่งหน้าไปยัง Porta Romana หรือประตูเมืองเดิมของฟลอเรนซ์ซึ่งอยู่ห่างไป 3.6 กม. แล้วต่อไปยัง Poggio Imperiale ที่เคยเป็นที่พักของตระกูลเมดิซี (Medici) อันโด่งดังแต่ในปัจจุบันเป็นโรงเรียนมัธยม เราจะพบตัวเองอยู่ท่ามกลางย่านเมืองเก่า Arcetri จากยุคกลาง จากนั้นข้ามสะพานจนถึง San Miniato al Monte Basilica ซึ่งตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของเมือง มุ่งหน้าต่อสู่จตุรัส Piazzale Michelangelo สุดท้ายมุ่งหน้ากลับสู่ย่านตัวเมืองแล้วลองหา ครอสตินี่ (Crostini) ทานคู่กับไวน์เพื่อปิดท้าย สุดท้ายนี้หากต้องการคำแนะนำสำหรับการปั่นจักรยานเพิ่มเติมลองคลิก I Bike Italy ซึ่งมีโปรแกรมทัวร์ฟลอเรนซ์พร้อมทั้งแนะนำร้านอาหารและไวน์

4. ชิมกาแฟที่ Chiaroscuro

นอกจากโบสถ์ต่างๆแล้ว สถานที่ประกอบพิธีสำคัญของอิตาลี คือ การจิบกาแฟเอ็กเพรสโซตามบาร์ ซึ่งรสชาติและคุณภาพของทุกๆจิบที่ดื่มไปนั้นยากจะปฏิเสธ ที่ Chiaroscuro’s Expresse bar เราสามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้อย่างหลากหลายจากกว่า 15 ประเทศทั่วโลก รวมถึงกาแฟขี้ชะมดจากป่าดิบชื้นของอินโดนีเซียที่หาทานได้ยากอีกด้วย

5. หาไอศครีมเจลาโต้กินให้อ้วน

ฟลอเรนซ์คือแหล่งกำเนิดของเจลาโต้และมีชื่อเสียงจากไอศครีมครัวเรือน ยกตัวอย่างเช่น ร้าน Perche' No เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเพราะมีทั้งรสชาติไอศครีมตามฤดูกาลอย่าง ดอกกุหลาบทัสคันกับลาเวนเดอร์ และรสชาติยอดนิยมอย่าง ซอล์ทคาราเมล เปิดและดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1939 ร้าน Vivoli เปิดและดำเนินการโดยเจ้าของร้านและครอบครัวมากว่า 80 ปี เป็นร้านหลักที่มีชื่อเสียงอีกร้านทั้งรสชาติคลาสสิคอย่าง ครีมา พิทาชิโอ้ ช็อกโกแลต และรสชาติของผลไม้ตามฤดูกาลชนิดต่างๆ

6. ปิคนิคที่ Giardino delle Rose

สวนเล็กๆแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่าง Piazzale Michelangelo กับ San Niccolo สำหรับแวะพักสายตาจากกำแพงหินของสถาปัตยกรรมและฝูงชนใจกลางเมือง ภายในสวนเต็มไปด้วยดอกกุหลาบกว่า 350 สายพันธุ์ ประติมากรรม สวนเลม่อน และสวนญี่ปุ่น มีพื้นหญ้าว่างๆสำหรับหยิบขนมขบเคี้ยวและไวน์มานั่งทาน (เราขอแนะนำไวน์ Le Volpi e L'Uv จากสวนไวน์ออแกนิค) ช่วงเวลาสำหรับการปิคนิคที่นี่ คือ ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน ซึ่งดอกไม้บานสะพรั่งและอากาศกำลังสบาย

7. มหาวิหาร Santa Trinità Basilica

โบสถ์ Sassetti ในมหาวิหาร Santa Trinità Basilica อันงดงามมีภาพเขียนสีปูนเปียกซึ่งแสดงถึงวิถีชีวิตประจำวันของชาวฟลอเรนซ์ทั้งในทางศาสนาและทางโลกในยุคค.ศ. 1400 ลองมองหาบุคคลสำคัญในภาพเขียน เช่น Lorenzo il Magnifico และผู้อุปถัมป์โบสถ์ Francesco Sassetti ที่แต่งกายชุดสีแดงเข้มแบบชนชั้นสูงของฟลอเรนซ์ในยุคนั้น

8. ตามล่าสมบัติของ Dante Alighieri

ในอีกมุมหนึ่ง เมืองนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของ Dante Alighieri ทั้งรูปปั้นน่าทึ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกียรติเขาที่ Piazza Santa Croce พิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับเรื่องราวผลงานและชีวิตของเขา (รวมถึง The Divine Comedy) และประโยคถ้อยคำที่จารึกตามถนนต่างๆ และโบสถ์ Santa Margherita de' Cerchi ที่(ตามตำนาน) กล่าวว่าเป็นสถานที่ที่ Dante ตกหลุมรักกับ Beatrice โชคชะตาและความรู้สึกที่ไม่ได้รับการตอบสนองนี้ เชื่อกันว่าเป็นแรงบันดาลใจส่วนใหญ่ในผลงานของเขา

9. หาของขบเคี้ยวที่ Mercato San Lorenzo

ของดีของแคว้น Tuscany นั้นอยู่ที่ตลาดของกินแห่งนี้แทบทุกอย่าง ทั้ง ชีส เนื้อ ขนมเบเกอรี่ และปลาต่างๆ ของพื้นเมือง เช่น น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง เครื่องเทศ เกลือ ทรัฟเฟิล ไวน์ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสามารถเลือกชิมก่อนตัดสินใจได้ หากคุณตั้งใจจะซื้อติดมือกลับบ้านเป็นจำนวนมากก็สามารถต่อราคาได้อีกเล็กน้อยด้วย ข้อสังเกตเพิ่มเติม คือ หากร้านค้าใดมีป้ายและคำอธิบายภาษาอังกฤษมากกว่าปกติ แสดงว่าร้านนั้นติดราคาสำหรับนักท่องเที่ยว(ซึ่งแพงกว่าปกติ) แนะนำว่าอาจเลยไปตลาด Mercato Sant'Ambrogio ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานพอกันเพื่อหาของเพิ่มเติมอีกก็ได้

10.  แวะดูเครื่องหนังที่ Leather School ณ Santa Croce

ฟลอเรนซ์เป็นเมืองอุตสาหกรรมเครื่องหนังมาอย่างยาวนาน เราอาจเรียนรู้ที่จะดูความแตกต่างของหนังแท้และหนังเทียมซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อในอนาคตได้ที่ Leather School ใน Santa Croce เพื่อชมกระบวนการทำในแต่ละขั้น ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบหนัง จนถึงการตัดเย็บด้วยมือและฟอกย้อม ที่นี่มีแพคเกจสำหรับเดินชมเป็นเวลา 1 ชั่วโมงในราคา 14€ ต่อคน ซึ่งรับได้สูงสุด 20 คนต่อกลุ่ม และมี 2 รอบต่อวันตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ ควรส่งอีเมล์มาเพื่อจองรอบเข้าชมก่อนล่วงหน้า (เพราะมักจะเต็ม) หากจะให้ดีสามารถมาชมหลังจากเดินเล่นที่ตลาด Sant'Ambrogio หรือหลังจากจัดการกับพิซซ่าที่ Cucina Torcicoda ซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ได้

11. เข้าชม Florentine bourgeoisie และ the “Holy Gates”

สุสาน The Holy Gates ที่รายล้อม San Miniato al Monte ถือเป็นหนึ่งในสุสานที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี มีทั้งประติมากรรม หลุมฝังศพ และสุสานของชนชั้นสูงของฟลอเรนซ์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างผู้กำกับ Mario Cecchi Gori นักเขียน Pellegrino Artusi และ Carlo Collodi ผู้ให้กำเนิดพิน็อคคิโอ

12. พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก

เราต่างเคยได้ยินชื่อของพิพิธภัณฑ์อย่าง Uffizi และ Accademia แต่ฟลอเรนซ์ยังมีพิพิธภัณฑ์อื่นๆอีกจำนวนมากที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์ Bargello ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางด้านประติมากรรม มีประติมากรรมที่สำคัญอย่าง Donatello's bronze sculpture of David และของโบราณหลายอย่างจากทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง พิพิธภัณฑ์ Palazzo Davanzati ตั้งอยู่ใกล้กับ Renaissance palace ใจกลางเมืองซึ่งจัดแสดงวิถีชีวิตประจำวัน ทั้งห้องนอน เครื่องมือ และครัวสมัยก่อน โบสถ์ San Lorenzo ของตระกูล Medici ซึ่งเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่มีบทบาทในฟลอเรนซ์ในสมัยก่อน ได้เก็บรักษาผลงานปั้นของ Michelangelo ไว้หลายชิ้น ทำให้คุ้มค่าต่อการแวะไปเยี่ยมชม

13. ขาดไม่ได้แน่นอน คือ พิพิธภัณฑ์ Uffizi

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชื่นชอบศิลปะหรือไม่ เราแนะนำอย่างยิ่งให้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Uffizi (แนะนำให้จองบัตรเข้าชมมาล่วงหน้า เพราะคนเยอะมาก) เพื่อชมภาพ Venus de' Medici (หรือ ‘กำเนิดเทพีวีนัส’ ; The Birth of Venus) ของศิลปินชื่อดัง Caravaggio และภาพ Ognissanti Madonna และอย่าพลาด Vasari Corridor ซึ่งจะพาเราเดินจาก Uffizi ข้ามแม่น้ำไปยัง Palazzo Pizzi ได้ ทั้งหมดนี้จะยิ่งพิเศษขึ้นอีกมากหากคุณเป็นแฟนผลงานของ ‘แดน บราวน์’ เพราะฉากเหล่านี้ปรากฏทั้งใน The Davinci Code และ Inferno อีกด้วย

14. Villa Bardini

บนยอดเนินที่สามารถมองเห็นทั้งฟลอเรนซ์และแม่น้ำอาร์โน Villa Bardini ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และมีการปรับปรุงขยายเพิ่มในปี 1641 ปัจจุบันนี้เป็นบ้านพักที่หรูหราล้อมรอบด้วยสวนที่สงบเงียบสำหรับเดินยืดแข้งยืดขาจากการชมเมืองมาทั้งวัน และที่ Belvedere Terrace จะสามารถมองเห็นได้ทั้งโดมของ Brunelleschi กับ Piazzale Michelangelo รวมถึงหอคอยของ Palazzo Vecchio อีกด้วย

15. แวะกิน Bistecca Fiorentina

ผู้คนเบียดเสียดออกันราวกับเป็นทีมรักบี้ที่แย่งลูกบอลบนสนาม เพียงเพื่อเข้าไปยัง il Latini ร้านอาหารชื่อดังของฟลอเรนซ์ เป็นที่รู้จักของผู้คนจาก Bistecca Fiorentina ซึ่งเป็นสเต็กชิ้นหนาขนาดใหญ่ เปิดขายตั้งแต่ปี 1966 มีความพิเศษตรงที่ทุกๆเมนูจะระบุว่าได้รับการรับรองจากแหล่งเพาะเลี้ยงโค Chianina ดั้งเดิม ซึ่งทำให้ Bistecca Fiorentina เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง

-----------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็น